ไทย-อินโด-มาเลย์ ลั่นพร้อมเริ่มควบคุมส่งออกยางครั้งที่ 5

22 ธ.ค. 2560 | 08:34 น.
สภาไตรภาคียางพารา ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เห็นชอบให้เดินหน้ามาตรการ AETS ร่วมกำหนดโควตาการส่งออกยางพาราร่วมกันทั้ง 3 ประเทศ รวมไม่เกิน 350,000 ตัน

วันนี้ (22 ธ.ค. 60) ที่ประชุมสภาไตรภาคียางพารา (ITRC) นัดพิเศษระหว่าง 3 ประเทศสมาชิก ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย พร้อมเห็นชอบให้เดินหน้ามาตรการ AETS ร่วมกำหนดโควตาการส่งออกยางพาราร่วมกันทั้ง 3 ประเทศ รวมไม่เกิน 350,000 ตัน ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 มีนาคม 2561 พร้อมสร้างเสถียรภาพด้านราคาให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

นายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย เผยว่า ความร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศสมาชิกผู้ผลิตยางรายใหญ่ของโลก ทั้งไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ในครั้งนี้ เป็นอีกมาตรการในการแก้ปัญหาสถานการณ์ราคายางที่ผิดปกติและมีความผันผวน โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่ของโลก จะนำข้อตกลงดังกล่าวมาดำเนินการอย่างเคร่งครัด ภายใต้การปฏิบัติตามมาตรการควบคุมปริมาณการส่งออกยางพาราของประเทศไทย ซึ่งมีทั้งพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ.2542 โดยกรมวิชาการเกษตรซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ดูแลและควบคุมปริมาณการส่งออกยางของประเทศไทยออกนอกราชอาณาจักร และระเบียบตามประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดปริมาณจัดสรรเนื้อยางแห้งสำหรับการส่งออก (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2556 มาใช้ในช่วงระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่บัดนี้ จนถึง 31 มีนาคม 2561 ทั้งนี้ มอบให้การยางแห่งประเทศไทย ประสานงานกับผู้ประกอบกิจการยาง เพื่อให้ทราบถึงแนวทางปฏิบัติร่วมกันตามมาตรการ AETS พร้อมทั้ง ให้เร่งดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานติดตามอย่างใกล้ชิด

“มาตรการความร่วมมือระหว่างประเทศในการควบคุมการส่งออกยางครั้งที่ 5 นี้ จะเป็นอีกหนึ่งในมาตรการสำคัญต่างๆ ที่รัฐบาลจะแก้ปัญหาสถานการณ์ราคายางผันผวน เพื่อช่วยยกระดับราคายางในตลาดให้สูงขึ้น ให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแก่พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง”

ด้านดร.ธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ในฐานะตัวแทนประเทศไทย ในสภาไตรภาคียางพารา กล่าวว่า ในการประชุมสภาไตรภาคียางพารา (ITRC) นัดพิเศษระหว่างประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซียวันนี้ รัฐบาล 3 ประเทศภายใต้กรอบความร่วมมือมีมติเห็นชอบในการประกาศมาตรการควบคุมปริมาณการส่งออกยางพารา โดยมีระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่บัดนี้จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2561 ซึ่งได้กำหนดการลดโควตาการส่งออกยางพาราร่วมกัน 3 ประเทศลง 350,000 ตัน ซึ่งที่มาของจำนวนดังกล่าวมาจาก การคาดการณ์ปริมาณยางส่วนเกินโดยสมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติระหว่างประเทศ (ANRPC) ของตลาดโลก และคาดว่าจะส่งผลต่อระดับราคายางที่จะเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ที่ประชุมยังมีความเห็นเพิ่มเติมว่า ประเทศผู้ผลิตยางแต่ละรายควรแก้ปัญหาความสมดุลของปริมาณยางในโลกด้วยการต้องเพิ่มปริมาณการใช้ยางภายในประเทศของตนเองให้มากขึ้น ไม่ว่าจะนำยางธรรมชาติไปใช้ด้านการคมนาคม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ยุทโธปกรณ์ กีฬา สุขภาพ รวมถึงภาคธุรกิจ สินค้าอุปโภคบริโภคและบริการต่างๆ

“ในนาม ITRC มีความมั่นใจว่าการดำเนินการร่วมกันในมาตรการนี้ จะส่งผลให้ราคายางมีเสถียรภาพขึ้น และส่งผลดีต่อเกษตรกรรายย่อย สถาบันเกษตรกร และทุกส่วนที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานยางพารา ให้ได้รับผลตอบแทนอย่างเป็นธรรมในระยะยาวต่อไป โดยมาตรการนี้จะมีการติดตามอย่างใกล้ชิดโดย ITRC และคณะกรรมการควบคุมยาง” ดร.ธีธัช กล่าวเพิ่มเติม โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6