สมคิดฟันธงส่งออกแตะ 10%สั่งพาณิชย์เร่งรุกศก.ฐานราก
สมคิดลั่นส่งออกปีนี้แตะ 10% สั่งพาณิชย์เจรจาหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ พร้อมเดินหน้าส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก จ่อขึ้นบัญชียางพาราเป็นสินค้าควบคุม ประสานการทำงานร่วมกระทรวงเกษตรฯ ดูแลสินค้าเกษตร
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ว่าในภาพรวมเห็นว่ากระทรวงพาณิชย์ทำงานได้ดีโดยเฉพาะในเรื่องของการดูแลราคาสินค้าเกษตร ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก ธุรกิจขนาดกลางขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) การผลักดันการส่งออก โดยในส่วนของการดูแลสินค้าเกษตรในส่วนของข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน และยางพารา ต้องมีการแต่งตั้งคนที่รับผิดชอบควบคู่กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะยางพาราแม้ว่ากระทรวงพาณิชย์จะไม่ได้ดูแลเฉพาะ แต่เมื่อประสบปัญหาราคาตกต่ำต่อไปก็ต้องพิจารณาปรับให้เป็นสินค้าควบคุม ที่ต้องจัดให้มีเจ้าหน้าไปติดตามดูแลสต็อก ราคาอย่างใกล้ชิด ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะต้องมีคณะทำงานเพื่อศึกษาในประเด็นดังกล่าว
สำหรับการส่งออก ในเดือนพ.ย. 60 ขยายตัว 13.36% หรือ 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวม 11 เดือนขยายตัวถึง 10.01 % และทั้งปีมั่นใจว่าจะขยายตัวถึง 10% ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศต้องหารือกับทูตพาณิชย์ในการตั้งเป้าหมายร่วมกันในเชิงรุกมีการจัดลำดับความสำคัญประเทศที่จะส่งออก โดยเฉพาะการหารือในรูปแบบของ หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจกับประเทศที่ยังไม่สามารถเจรจาในระดับเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) เพื่อให้ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะสหภาพยุโรป(อียู) ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากการที่อียูได้แสดงฟื้นคืนความสัมพันธ์การเมืองกับไทยในทุกระดับ นอกจากนี้ยังต้องส่งเสริมให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถส่งออกได้มากขึ้นจากเดิมที่มีเพียง 30,000 ราย ที่สามารถทำได้
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากและมีการประเมินผลงานทุก 3 เดือน เชื่อมโยงการทำงานร่วมกับทุกกระทรวง ที่เห็นชัดเจนคือการดึงให้ร้านค้าโชวห่วย ค้าปลีกในชุมชนเข้าร่วมโครงการธงฟ้าประชารัฐ ในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีกว่า 20,000 ร้านค้า และเมื่อเร็วๆนี้ได้ทำเรื่องเสนอต่อกระทรวงการคลังเพิ่มจำนวนร้านค้าอีก 20,000 ร้านค้า ซึ่งจะต้องเสนอของบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในการติดตั้งเครื่องรับบัตรอัตโนมัติ (อีดีซี) ให้ครบต่อไป
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ว่าในภาพรวมเห็นว่ากระทรวงพาณิชย์ทำงานได้ดีโดยเฉพาะในเรื่องของการดูแลราคาสินค้าเกษตร ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก ธุรกิจขนาดกลางขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) การผลักดันการส่งออก โดยในส่วนของการดูแลสินค้าเกษตรในส่วนของข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน และยางพารา ต้องมีการแต่งตั้งคนที่รับผิดชอบควบคู่กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะยางพาราแม้ว่ากระทรวงพาณิชย์จะไม่ได้ดูแลเฉพาะ แต่เมื่อประสบปัญหาราคาตกต่ำต่อไปก็ต้องพิจารณาปรับให้เป็นสินค้าควบคุม ที่ต้องจัดให้มีเจ้าหน้าไปติดตามดูแลสต็อก ราคาอย่างใกล้ชิด ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะต้องมีคณะทำงานเพื่อศึกษาในประเด็นดังกล่าว
สำหรับการส่งออก ในเดือนพ.ย. 60 ขยายตัว 13.36% หรือ 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวม 11 เดือนขยายตัวถึง 10.01 % และทั้งปีมั่นใจว่าจะขยายตัวถึง 10% ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศต้องหารือกับทูตพาณิชย์ในการตั้งเป้าหมายร่วมกันในเชิงรุกมีการจัดลำดับความสำคัญประเทศที่จะส่งออก โดยเฉพาะการหารือในรูปแบบของ หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจกับประเทศที่ยังไม่สามารถเจรจาในระดับเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) เพื่อให้ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะสหภาพยุโรป(อียู) ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากการที่อียูได้แสดงฟื้นคืนความสัมพันธ์การเมืองกับไทยในทุกระดับ นอกจากนี้ยังต้องส่งเสริมให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถส่งออกได้มากขึ้นจากเดิมที่มีเพียง 30,000 ราย ที่สามารถทำได้
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากและมีการประเมินผลงานทุก 3 เดือน เชื่อมโยงการทำงานร่วมกับทุกกระทรวง ที่เห็นชัดเจนคือการดึงให้ร้านค้าโชวห่วย ค้าปลีกในชุมชนเข้าร่วมโครงการธงฟ้าประชารัฐ ในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีกว่า 20,000 ร้านค้า และเมื่อเร็วๆนี้ได้ทำเรื่องเสนอต่อกระทรวงการคลังเพิ่มจำนวนร้านค้าอีก 20,000 ร้านค้า ซึ่งจะต้องเสนอของบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในการติดตั้งเครื่องรับบัตรอัตโนมัติ (อีดีซี) ให้ครบต่อไป
