SCC ควบรวม TGCI กับ 4 ธุรกิจเซรามิค เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน คาดแล้วเสร็จ ส.ค.61
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติการปรับโครงสร้างของบริษัทย่อย ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระเบื้องเซรามิกในประเทศไทยที่บริษัทฯ ถือหุ้นผ่านบริษัท เซรามิคซิเมนต์ไทย จำกัด (CCCL) จำนวน 5 บริษัท ประกอบด้วย 1.บริษัท เซรามิคอุตสาหกรรมไทย จำกัด (TCC) 2.บริษัท ไทย-เยอรมัน เซรามิค อินดัสทรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TGCI 3.บริษัท เดอะ สยาม เซรามิค กรุ๊ป อินดัสทรี่ส์ จำกัด (SGI) 4.บริษัท โสสุโก้ แอนด์ กรุ๊ป (2008) จำกัด (SSG) และ 5.บริษัท เจมาโก จำกัด (GMG) ซึ่งเมื่อมีการดำเนินการธุรกรรมการควบบริษัทแล้วเสร็จ จะมีบริษัทใหม่ ที่มีสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ จากข้อมูลทางการเงินรวมเสมือนของบริษัทใหม่ บริษัทใหม่มีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 ก.ย.2560 เท่ากับ 13,363 ล้านบาท และมีรายได้รวมสำหรับปี 2559 และสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2560 เท่ากับ 13,734 ล้านบาท และ 10,294 ล้านบาท ตามลำดับ
นอกจากนี้ในการควบบริษัท โดยดำเนินการให้ CCCL เป็นผู้เกลี่ยหุ้น (Balancer) ในการปัดเศษหุ้น และชำระเงินแก่หรือรับเงินชดเชยจากบริษัทใหม่ในการเกลี่ยหุ้นดังกล่าวเพื่อให้จำนวนหุ้นของบริษัทใหม่เป็นไปตามที่กำหนด และ ผู้ซื้อหุ้น TGCI จากผู้ถือหุ้นของ TGCI ที่คัดค้านการควบบริษัท ในราคาที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งสุดท้ายก่อนวันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ TGCI มีมติให้ควบบริษัท
การควบบริษัท TGCI จะดำเนินการยื่นคำขอให้รับหลักทรัพย์ของบริษัทใหม่ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และภายหลังธุรกรรมการควบบริษัทแล้วเสร็จ และตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้อนุญาตคำขอรับหลักทรัพย์เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทใหม่จะเป็นบริษัทที่มีหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป
บริษัทฯ เชื่อว่า การควบบริษัทจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจและศักยภาพในการแข่งขันจากมูลค่าเพิ่ม (Synergies) ในด้านการตลาดและการขาย ด้านการผลิต รวมถึงการวิจัยพัฒนาสินค้าเพื่อตอบสนองลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น โดยที่ธุรกรรมการควบบริษัทและการจดทะเบียนหลักทรัพย์ของบริษัทใหม่ให้เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2561
ทั้งนี้ จากข้อมูลทางการเงินรวมเสมือนของบริษัทใหม่ บริษัทใหม่มีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 ก.ย.2560 เท่ากับ 13,363 ล้านบาท และมีรายได้รวมสำหรับปี 2559 และสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2560 เท่ากับ 13,734 ล้านบาท และ 10,294 ล้านบาท ตามลำดับ
นอกจากนี้ในการควบบริษัท โดยดำเนินการให้ CCCL เป็นผู้เกลี่ยหุ้น (Balancer) ในการปัดเศษหุ้น และชำระเงินแก่หรือรับเงินชดเชยจากบริษัทใหม่ในการเกลี่ยหุ้นดังกล่าวเพื่อให้จำนวนหุ้นของบริษัทใหม่เป็นไปตามที่กำหนด และ ผู้ซื้อหุ้น TGCI จากผู้ถือหุ้นของ TGCI ที่คัดค้านการควบบริษัท ในราคาที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งสุดท้ายก่อนวันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ TGCI มีมติให้ควบบริษัท
การควบบริษัท TGCI จะดำเนินการยื่นคำขอให้รับหลักทรัพย์ของบริษัทใหม่ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และภายหลังธุรกรรมการควบบริษัทแล้วเสร็จ และตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้อนุญาตคำขอรับหลักทรัพย์เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทใหม่จะเป็นบริษัทที่มีหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป
บริษัทฯ เชื่อว่า การควบบริษัทจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจและศักยภาพในการแข่งขันจากมูลค่าเพิ่ม (Synergies) ในด้านการตลาดและการขาย ด้านการผลิต รวมถึงการวิจัยพัฒนาสินค้าเพื่อตอบสนองลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น โดยที่ธุรกรรมการควบบริษัทและการจดทะเบียนหลักทรัพย์ของบริษัทใหม่ให้เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2561
