รถไฟไทย-จีนได้ฤกษ์สร้าง ร.ฟ.ท.เอ็มโอยูทางหลวง-ลุยเฟสแรก 6 เดือนเสร็จ

22 ธ.ค. 2560 | 07:54 น.
ครม.ไฟเขียวร.ฟ.ท.เอ็มโอยูทล.ก่อสร้างทางรถไฟไทย-จีน ช่วงแรกระยะทาง 3.5 กม. วงเงินกว่า 400 ล้านบาท นายกฯประธานพิธีตอกเข็ม 21 ธ.ค.นี้ ด้านทล.ผนึก 2 สำนักก่อสร้างทาง และศูนย์สร้างทาง 5 จังหวัด ราว 100 คน ลุยงานก่อสร้าง

นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงความพร้อมการก่อสร้างครั้งประวัติศาสตร์ของวงการระบบรางรูปแบบไฮสปีดเทรนภายใต้รถไฟความเร็วสูงไทย-จีนในครั้งนี้ว่า เมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ลงนามบันทึกความร่วมมือกับทล.อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ทล.ก็จะเริ่มปฏิบัติการก่อสร้างโครงการนี้ได้ทันที โดยมอบหมายให้นายทวี เกศิสำอาง รองอธิบดีฝ่ายบริหารเป็นประธานประสานงานระหว่างทล.-ร.ฟ.ท.

[caption id="attachment_243964" align="aligncenter" width="356"] ธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.)[/caption]

สำหรับหน่วยงานที่เข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ประกอบไปด้วย สำนักก่อสร้างทางที่ 1 สำนักก่อสร้างทางที่ 2 สำนักก่อสร้างสะพาน สำนักวิเคราะห์และตรวจสอบ ศูนย์สร้างทางหล่มสัก ศูนย์สร้างทางขอนแก่น ศูนย์สร้างทางกาญจนบุรี ศูนย์สร้างทางลำปางและศูนย์สร้างทางสงขลา นอกจากนั้นยังได้คัดวิศวกรมีฝีมือจริงๆประมาณ 100 คนเข้าไปปฏิบัติงานในครั้งนี้พร้อมกับเน้นยํ้าเรื่องความโปร่งใส คุณภาพต้องดีเยี่ยม และงานต้องรวดเร็ว กำหนดไว้ว่าจะแล้วเสร็จประมาณ 6 เดือน

“บางช่วงอาจจะติดขัดเรื่องระเบียบพัสดุบ้าง ช่วงเดือนแรกอาจจะไม่เห็นความคืบหน้ามากนัก เนื่องจากอยู่ระหว่างการประกวดราคาจัดซื้อวัสดุมาใช้ดำเนินการ ดังนั้นจึงเริ่มเข้าพื้นที่เฉพาะในส่วนที่สามารถดำเนินการได้ไปก่อน อาทิ ย้ายแนวรถไฟเดิมระยะทางราว 700 เมตร เน้นการใช้พื้นที่ออฟฟิศสำนักงานอย่างประหยัดมากที่สุด กำหนดเส้นทางลำเลียงไว้เรียบร้อยแล้ว โดยคณะทำงานส่วนหน้าได้เข้าไปสำรวจปักหมุดเขตปฏิบัติงานครบถ้วนแล้ว ประกอบกับการเจรจาวัสดุบางรายการจะให้มีผลกับการปฏิบัติงานช่วงตอนที่ 2 ตอนที่ 3 และตอนที่ 4 ควบคู่กันไปด้วย”

ด้านนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการร.ฟ.ท. กล่าวถึงความพร้อมของการเข้าปฏิบัติหน้าที่ครั้งประวัติศาสตร์ของวงการรถไฟความเร็วสูงของประเทศไทยในครั้งนี้ว่ารัฐบาลกำหนดฤกษ์ตอกเข็มเริ่มการก่อสร้างโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีดเทรน) เชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) แล้วในวันที่ 21 ธันวาคมนี้โดยช่วงก่อนนี้ได้มีการปักธงแสดงสัญลักษณ์ความร่วมมือโครงการดังกล่าวที่สถานีเชียงรากน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาไปเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา

แบนเนอร์รายการฐานยานยนต์-2-2-503x69 โดยพิธีประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่งของการพัฒนาระบบรางรูปแบบไฮสปีดเทรนในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีร่วมทำสัญลักษณ์ GROUNDBREAKING การเริ่มก่อสร้างโครงการอย่างเป็นทางการ ณ บริเวณมอหลักหิน ช่วงกิโลเมตรที่ 170 ระหว่างสถานีปางอโศก-บันไดม้า ในพื้นที่ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร ใช้งบประมาณช่วงดังกล่าวนี้ประมาณ 425 ล้านบาท ทั้งนี้พิธีจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในช่วงเวลา 14.30 น.หลังจากที่ในอดีตพื้นที่ดังกล่าวมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จฯในการก่อสร้างรางรถไฟสายแรกของไทยเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2441 หรือเมื่อ 119 ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้แหล่งข่าวของทล.รายหนึ่งกล่าวว่าเมื่อครม.อนุมัติให้ร.ฟ.ท.ลงนามเอ็มโอยูกับทล.เสร็จแล้วก็จะเริ่มงานก่อสร้างอย่างเป็นทางการได้ทันที เบื้องต้นนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับฝ่ายจีนเรื่องรายละเอียดหรือสเปกวัสดุที่จะนำไปใช้ในโครงการดังกล่าว เบื้องต้นนั้นบุคลากรและเครื่องจักรที่จะนำไปปฏิบัติงานจะเป็นของทล.ทั้งหมด มีวิศวกรปฏิบัติการในครั้งนี้ประมาณ 100 คน วางแผนใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 6 เดือนเบื้องต้นนั้นจะใช้วัสดุที่แตกต่างจากที่ทล.ใช้ในงานก่อสร้างที่ผ่านมา

“ปักหมุดสำรวจโครงการนี้ใช้ความละเอียดสูงมาก หน้าที่หลักของทล.คือการก่อสร้างคันทาง คาดว่าการหารือวัสดุกับฝ่ายจีนจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ โดยทล.มี 3 หน่วยที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับงานวัสดุคือสำนักสำรวจออกแบบ สำนักก่อสร้าง และสำนักวิเคราะห์และตรวจสอบวัสดุ ดังนั้นวัสดุต้องได้มาตรฐาน ออกแบบต้องสอดคล้องเพื่อนำเสนอให้สำนักก่อสร้างนำไปดำเนินการ ขณะนี้ทล.อยู่ระหว่างการปรับพื้นที่รองรับไว้เท่านั้น โดยช่วงผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ที่มีการห้ามการขนส่งวัสดุนั้นก็คงจะเริ่มเห็นความชัดเจนของงานก่อสร้างตามจุดต่างๆมากขึ้น”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,324 วันที่ 21 - 23 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9