แนะ4หุ้นเด่นปันผลดี เอเซียพลัสเฟ้นจาก 15 บริษัทที่สถาบันลงทุนมากสุด

24 ธ.ค. 2560 | 05:44 น.
ฝ่ายวิจัย ASPS คาดหุ้นขึ้นท้ายปี LTF ทะลักเดือนธันวาคม แรงซื้อทำปิดงบ ธนชาตยืนยันเป้าหมายปีหน้า 1,900 จุด บัวหลวงให้คู่มือลงทุน DW

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASPS เปิดเผยกลยุทธ์การลงทุน แนะนําลงทุนในหุ้นที่กองทุนนิยมซื้อสะสมในช่วงท้ายปี และมีอัตราผลตอบแทนปันผลสูง ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH และบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO น่าจะเป็นหลุมหลบภัยที่ดี และมีโอกาสเกิดการทํา Window Dressing สูง รวมทั้งแรงขายจากต่างชาติที่ชะลอตัวลง บางวันสลับมาซื้อสุทธิส่งผลให้หุ้นใหญ่มีโอกาสเพิ่มขึ้น

สำหรับ PTT ให้มูลค่าเหมาะสมที่ 500 บาท คาดกําไรจากการดําเนินงานปกติในปี 2561 จะยังเห็นการเติบโต 13.1% จากราคานํ้ามันดิบโลก (ดูไบ) ที่ขึ้นมายืนเหนือ 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนกําไรที่สําคัญรวมถึงภาพรวมธุรกิจของปตท.และบริษัทในเครือ ยังคงเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ระยะยาวในการเพิ่มมูลค่า ส่วน SCC ให้มูลค่าเหมาะสม 620 บาท มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และราคาหุ้นยังปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดอย่างมาก (Laggard) คือตั้งแต่ต้นปีลดลง 0.41% เทียบกับดัชนีหุ้นที่เพิ่มขึ้น 11.3% ส่วนกําไรในไตรมาส 4 คาดว่าจะดีขึ้นจากธุรกิจซีเมนต์ที่เห็นการฟื้นตัว

MP17-3324-A ส่วน INTUCH คาดมูลค่าเหมาะสม 79 บาท คาดกําไรปี 2561-2562 เติบโตเฉลี่ยปีละ 4.7% และยังมี จุดเด่น การปรับตัวตํ่า จากราคาหุ้นที่ยัง Laggard และอัตราผลตอบแทนปันผลที่คาดหวังเกือบ 5% ต่อปี และ TISCO มูลค่าเหมาะสม 93.50 บาทศักยภาพการเติบโตของธุรกิจต่อยอดใหม่ๆ ไปที่ลูกค้า SCBT ที่รับโอนมา ขณะที่ภาพรวมธุรกิจหลักสินเชื่อทะเบียนรถ และเช่าซื้อรถยนต์ที่คาดหวังจะกลับเป็นบวกได้ในไตรมาส 4 คาดหวังผลตอบแทนปันผล ปีหน้าสูงถึง 5.75% ต่อปี

นายเทิดศักดิ์ กล่าวว่า นักลงทุนสถาบันในประเทศนิยมซื้อสุทธิหุ้นไทยในเดือนธันวาคม และจากสถิติย้อนหลัง 12 ปี พบว่าในเดือนธันวาคม มีสัดส่วนการซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือ LTF สูงถึง 46% ของทั้งปี รองลงมาคือ เดือนพฤษภาคม 12% ดังนั้นทางฝ่ายวิจัยค้นหารายชื่อหุ้นที่กองทุนนิยมลงทุนมากที่สุด 15 ลําดับแรก ได้แก่ PTT สูงสุด 19.9%, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL 13.2%, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT 11.1%, SCC 8.4% และธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)หรือ BBL 7.0%

[caption id="attachment_144481" align="aligncenter" width="474"] บุญชัย เกียรติธนาวิทย์ บุญชัย เกียรติธนาวิทย์[/caption]

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในปี 2561 นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด คาดว่าดัชนีมีโอกาสแตะระดับ 1,900 จุดได้ เนื่องจากยังมีการลงทุนโครงการใหญ่ๆของภาครัฐบาลและทิศทางเศรษฐกิจโลกขยายตัวทำให้การส่งออกของไทยเติบโต และคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโต 8% ในปีหน้า

นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ออก DW ที่มีปริมาณการซื้อขายในระบบสูงสุด เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นในเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.39% จากเดือนตุลาคมมาปิดระดับ 1,697.39 จุด ส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไร และใช้ DW เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น คิดเป็นสัดส่วน 5% ของการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งระบบ สูงสุดในรอบ 6 เดือน โดยเฉพาะ Put DW ที่มีสัดส่วน 27.6% ของ DW สูงสุดในรอบ 5 เดือน

[caption id="attachment_232725" align="aligncenter" width="335"] บรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวงฯ บรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวงฯ[/caption]

ในช่วงตลาดไซด์เวย์ นักลงทุนควรเลือก DW ที่มีค่าเสื่อมตํ่า ไม่ควรเลือกลงทุนในตัวที่มีอัตราทดแรงเกินไป ที่สำคัญควรเลือกลงทุน DW บนหุ้นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นที่มีความเคลื่อนไหวแรงๆ ทั้งนี้ไม่ว่าภาวะตลาดจะอยู่ในลักษณะใดนักลงทุนควรมีวินัยมากๆ ก่อนลงทุนควรกำหนด “จุดขายทำกำไร” และ “จุดตัด ขาดทุน” ให้ชัดเจน และให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,324 วันที่ 21 - 23 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9