BCPG จับมือพาวเวอร์เล็ดเจอร์ ใช้บล็อคเชนซื้อขายไฟผ่านเน็ต
บีซีพีจี จับมือพาวเวอร์เล็ดเจอร์จากออสเตรเลีย ใช้ “Blockchain Technology” รุกธุรกิจซื้อขายไฟฟ้าผ่านอินเตอร์เน็ตรายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พลิกโฉมวงการพลังงานในระยะยาว
วันนี้ (18 ธันวาคม 2560) บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG และบริษัท พาวเวอร์เล็ดเจอร์ (Power Ledger) ประเทศออสเตรเลีย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงในการนำ “Blockchain Technology” มาเป็นกลไกในการบริหารจัดการซื้อขายไฟฟ้าผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นรายแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
[caption id="attachment_243180" align="aligncenter" width="325"]
นายบัณฑิต สะเพียรชัย[/caption]
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เข้าสู่ธุรกิจการซื้อขายไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนผ่านอินเตอร์เน็ตโดยใช้ Blockchain Technology มาบริหารจัดการเป็นรายแรกในภูมิภาคเอเชียอย่างเต็มตัวแล้ว ด้วยการลงนามในข้อตกลงกับ พาวเวอร์เล็ดเจอร์ จากประเทศออสเตรเลีย พันธมิตรในการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Peer-to-Peer ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในต้นปี 2561
“บีซีพีจีให้ความสำคัญกับนวัตกรรมเป็นอย่างมาก และเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับพาวเวอร์เล็ดเจอร์ บริษัทสตาร์ทอัพด้านพลังงานแสงอาทิตย์จากประเทศออสเตรเลีย ในโครงการนี้ เราใช้แนวคิดเรื่อง distributed energy นำเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก อย่าง Blockchain มาใช้ โดยใช้ Internet of Energy ซื้อขายไฟฟ้าผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นรายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและของรัฐบาลในการลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่เพื่อตอบสนองความต้องการการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ลูกค้าและผู้บริโภคก็มีทางเลือกมากขึ้นด้วยการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Peer-to-Peer โดยนอกจากผู้บริโภคจะผลิตไฟฟ้าได้เอง ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าแล้ว ยังช่วยเพิ่มรายได้ให้จากการขายไฟฟ้าส่วนเกินได้อีกด้วย ผู้ร่วมโครงการของเราก็มีหลากหลาย ทั้งในรูปแบบของที่อยู่อาศัย ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน โรงพยาบาล นิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น" นายบัณฑิตกล่าว
ด้านนาย เดวิด มาร์ติน กรรมการผู้จัดการและหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท พาวเวอร์เล็ดเจอร์ เปิดเผยว่า การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และสามารถซื้อขายไฟฟ้ากันแบบ Peer-to-Peer ทำให้สามารถเพิ่มมูลค่าของการลงทุนด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและยังถือเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่ง
“การพัฒนา Microgrid จะช่วยให้การบริหารจัดการการใช้ไฟฟ้าเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น เรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับบีซีพีจี ในการนำ Blockchain Technology เข้ามาใช้ในการซื้อขายไฟฟ้าเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Blockchain Technology จะเปลี่ยนโลกโดยการลดขั้นตอนที่ซับซ้อนของการทำธุรกรรมที่ต้องกระทำผ่านคนกลาง ทำให้เกิดธุรกรรมแบบ peer-to-peer ที่จะเกิดขึ้นแบบ real-time ในการซื้อขายใดๆ ก็ได้ ซึ่งสำหรับเรา หมายถึงการ disrupt อุตสาหกรรมพลังงานโดยไม่ทำลายคุณค่า ในตลาดพลังงานส่วนใหญ่ การซื้อขายไฟฟ้าต้องใช้หน่วยงานกลาง มาช่วยในการบันทึกการซื้อขายและการชำระค่าใช้จ่าย แต่ใน distributed energy markets นั้น blockchain จะช่วยให้เกิดการทำธุรกรรมที่สามารถเกิดขึ้นในเวลารวดเร็วและตรวจสอบได้“ นายมาร์ตินกล่าว
ผู้บริหารทั้งสองมั่นใจว่า strategic partnership ที่เกิดจาก synergy ระหว่างบีซีพีจีในฐานะผู้นำในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและพาวเวอร์เล็ดเจอร์ ผู้นำด้านนวัตกรรมระบบซื้อขายแลกเปลี่ยนพลังงานครั้งนี้ นอกจากจะช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนของทั้งสองบริษัทแล้ว ยังจะทำให้เกิดศักยภาพในการพลิกโฉมธุรกิจพลังงานในระยะยาวในอนาคต ไม่จำกัดอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น โดยทั้งสองตั้งเป้าร่วมมือกันขยายธุรกิจในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต่อไป
วันนี้ (18 ธันวาคม 2560) บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG และบริษัท พาวเวอร์เล็ดเจอร์ (Power Ledger) ประเทศออสเตรเลีย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงในการนำ “Blockchain Technology” มาเป็นกลไกในการบริหารจัดการซื้อขายไฟฟ้าผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นรายแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
[caption id="attachment_243180" align="aligncenter" width="325"]
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เข้าสู่ธุรกิจการซื้อขายไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนผ่านอินเตอร์เน็ตโดยใช้ Blockchain Technology มาบริหารจัดการเป็นรายแรกในภูมิภาคเอเชียอย่างเต็มตัวแล้ว ด้วยการลงนามในข้อตกลงกับ พาวเวอร์เล็ดเจอร์ จากประเทศออสเตรเลีย พันธมิตรในการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Peer-to-Peer ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในต้นปี 2561
“บีซีพีจีให้ความสำคัญกับนวัตกรรมเป็นอย่างมาก และเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับพาวเวอร์เล็ดเจอร์ บริษัทสตาร์ทอัพด้านพลังงานแสงอาทิตย์จากประเทศออสเตรเลีย ในโครงการนี้ เราใช้แนวคิดเรื่อง distributed energy นำเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก อย่าง Blockchain มาใช้ โดยใช้ Internet of Energy ซื้อขายไฟฟ้าผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นรายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและของรัฐบาลในการลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่เพื่อตอบสนองความต้องการการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ลูกค้าและผู้บริโภคก็มีทางเลือกมากขึ้นด้วยการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Peer-to-Peer โดยนอกจากผู้บริโภคจะผลิตไฟฟ้าได้เอง ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าแล้ว ยังช่วยเพิ่มรายได้ให้จากการขายไฟฟ้าส่วนเกินได้อีกด้วย ผู้ร่วมโครงการของเราก็มีหลากหลาย ทั้งในรูปแบบของที่อยู่อาศัย ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน โรงพยาบาล นิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น" นายบัณฑิตกล่าว
ด้านนาย เดวิด มาร์ติน กรรมการผู้จัดการและหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท พาวเวอร์เล็ดเจอร์ เปิดเผยว่า การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และสามารถซื้อขายไฟฟ้ากันแบบ Peer-to-Peer ทำให้สามารถเพิ่มมูลค่าของการลงทุนด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและยังถือเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่ง
“การพัฒนา Microgrid จะช่วยให้การบริหารจัดการการใช้ไฟฟ้าเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น เรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับบีซีพีจี ในการนำ Blockchain Technology เข้ามาใช้ในการซื้อขายไฟฟ้าเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Blockchain Technology จะเปลี่ยนโลกโดยการลดขั้นตอนที่ซับซ้อนของการทำธุรกรรมที่ต้องกระทำผ่านคนกลาง ทำให้เกิดธุรกรรมแบบ peer-to-peer ที่จะเกิดขึ้นแบบ real-time ในการซื้อขายใดๆ ก็ได้ ซึ่งสำหรับเรา หมายถึงการ disrupt อุตสาหกรรมพลังงานโดยไม่ทำลายคุณค่า ในตลาดพลังงานส่วนใหญ่ การซื้อขายไฟฟ้าต้องใช้หน่วยงานกลาง มาช่วยในการบันทึกการซื้อขายและการชำระค่าใช้จ่าย แต่ใน distributed energy markets นั้น blockchain จะช่วยให้เกิดการทำธุรกรรมที่สามารถเกิดขึ้นในเวลารวดเร็วและตรวจสอบได้“ นายมาร์ตินกล่าว
ผู้บริหารทั้งสองมั่นใจว่า strategic partnership ที่เกิดจาก synergy ระหว่างบีซีพีจีในฐานะผู้นำในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและพาวเวอร์เล็ดเจอร์ ผู้นำด้านนวัตกรรมระบบซื้อขายแลกเปลี่ยนพลังงานครั้งนี้ นอกจากจะช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนของทั้งสองบริษัทแล้ว ยังจะทำให้เกิดศักยภาพในการพลิกโฉมธุรกิจพลังงานในระยะยาวในอนาคต ไม่จำกัดอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น โดยทั้งสองตั้งเป้าร่วมมือกันขยายธุรกิจในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต่อไป
