ไอยราฯรุกมินิแฟคทอรี่บุกSMEทั่วอาเซียน

18 ธ.ค. 2560 | 06:27 น.
“ไอยราวาณิชย์” รุกขยายตลาดอาคารโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูป ส่งมินิแฟคทอรี่ ระดับราคา 5-10 ล้านบาท รองรับความต้องการของกลุ่มผู้ประกอบการโรงงานขนาดย่อมที่เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ มั่นใจในเทคโนโลยีและคุณภาพจะเข้ามาทดแทนโครงสร้างก่ออิฐฉาบปูนแบบเดิม เผยตลาดขยายตัวมีมูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 10-15% ทุกปี วาดแผนรุกสู่สมรภูมิรบ AEC ประเดิม มาเลย์ ก่อนลุยต่อพม่า

นายพชร วีระพันธ์ กรรมการบริหาร บริษัท ไอยราวาณิชย์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจผลิต และจัดจำหน่ายอาคารโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูป รวมทั้งการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร เผยว่า หลังจากบริษัทได้เซ็นสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายโครงสร้างเหล็กอาคารสำเร็จรูปจากประเทศออสเตรเลีย มาตั้งแต่ปี 2555 ปรากฏว่า ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี บริษัทมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากในปัจจุบันกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีเติบโตขึ้น ความต้องการก่อสร้างโครงเหล็กสำเร็จรูปเพื่อนำมาเป็นที่ประกอบธุรกิจจึงมากขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอาเซียนที่กำลังขยายตัวในด้านเศรษฐกิจ

iya

จุดเด่นของโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปในปัจจุบันมีความแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา ก่อสร้างได้รวดเร็ว ตรงเวลา คุมงบประมาณได้ ลดปัญหาการใช้แรงงาน อีกทั้งยังมีความสวยงาม ช่วยให้ภาพลักษณ์องค์กรดูดีขึ้น ที่สำคัญยังช่วยลดต้นทุนการก่อสร้างได้ ประกอบกับเมื่อเพิ่มศักยภาพของการนำเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับระบบภายในมาใช้ยิ่งทำให้ บริษัท มีข้อแตกต่างและสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น จนสามารถเป็นผู้นำอันดับต้นของตลาดได้

ด้านนางสาวธตรฐ หินซุย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอยราวาณิชย์ จำกัด กล่าวเสริมว่า อีกจุดเด่นหนึ่งที่ทำให้ยอดขายของบริษัทเติบโตขึ้นทุกปีจากการนำเอาเทคโนโลยีในเรื่องระบบ Warehouses Automation จากประเทศเกาหลี มาใช้ ทำให้เพิ่มศักยภาพในการเป็นผู้นำตลาดทางการก่อสร้างสำเร็จรูปได้มากขึ้น และยังสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน และจากการที่บริษัทเปิดรับหาดีลเลอร์มาเป็นพันธมิตรในการขยายธุรกิจนั้น มีดีลเลอร์ให้การตอบรับเป็นอย่างดีและเชื่อว่าในปีหน้านี้ จะสามารขยายธุรกิจออกไปได้กว้างครบทุกภูมิภาคของประเทศ และรุกสู่ประเทศในกลุ่มอาเซียน เพื่อรองรับ ความต้องการใช้โครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปที่มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี

“ตลาดในกลุ่มอาเซียนเป็นเป้าหมายในอนาคตที่เราได้วางไว้ ที่ผ่านมาเราได้ขยายตลาดไปยังประเทศมาเลเซียแล้ว และขณะนี้ได้เข้าไปสำรวจตลาดในประเทศเมียนมา ก็พบว่ามีความต้องการอาคารสำเร็จรูปโครงสร้างเหล็กเพิ่มขึ้น แต่ในช่วงแรก ๆ คงมุ่งเน้นขยายตลาดในประเทศเป็นหลักก่อน”

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6

ปัจจุบันมีผู้ประกอบการด้านโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปทั้งในและต่างประเทศ ประมาณ 4-5 ราย ทำให้การแข่งขันไม่รุนแรงมากนัก แต่บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถขยายตลาดได้ตามเป้าหมาย แม้ว่าจะมีราคาเฉลี่ยสูงกว่าคู่แข่ง ประมาณ 10-15% ก็ตาม เพราะสินค้ามีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล มีความแข็งแรง คงทน รวมถึงเน้นการให้บริการก่อนและหลังการขายอย่างมีประสิทธิภาพ

“เราได้เปิดดำเนินการธุรกิจมา 5 ปี มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 10-15% และในปีหน้าจะขยายฐานตลาดจับกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยมาขึ้น โดยจะออกแบบโรงงานขนาดย่อม หรือมินิแฟคทอรี่ไว้ให้กลุ่มนักลงทุนรายย่อยได้เลือก 4-5 แบบ ระดับราคาตั้งแต่ 5-10 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ คาดว่าจะเริ่มทำตลาดได้ราวต้นปีหน้า” กรรมการผู้จัดการกล่าว

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9