"ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์ 2" สมบุกสมบัน ฉีกสไตล์พีพีวี

19 ธ.ค. 2560 | 23:00 น.
ในโอกาสที่ “ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์” ฉลองการดำเนินธุรกิจครบรอบ 50 ปี “เสี่ยสมพงษ์ เผอิญโชค” ก็เลยสั่งให้ลูกน้องจับ “ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์ 2” มาตกแต่งพิเศษ หวังนำคุณค่าที่สั่งสมฝีมือในการผลิตชิ้นส่วน การประกอบ ที่ได้การยอมรับจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ข้ามชาติ มาบอกเล่าเรื่องราวแห่งความรู้สึก ผ่านรถอเนกประสงค์หน้าตาดุดันคันนี้

mp33-3323-1a สำหรับ“ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์ 2” รุ่นฉลอง 50 ปี นำ “โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ สมาร์ทแค็บ” มาตีตัวถังใหม่บนโครงสร้างแชสซีส์และขุมพลังขับเคลื่อนเดิม มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร 150 แรงม้า ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1.565 ล้านบาท และเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร 177 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์ธรรมดา ราคา 1.655 ล้านบาท หรือเพิ่มจากรุ่นปกติ 1 แสนบาท

โดยสิ่งที่แตกต่างสร้างมูลค่าเพิ่มคือ สีตัวถังพิเศษที่ทำออกมาเพียง 2 สี คือ แดง กับ ทอง พร้อมเพิ่มลายเส้นโครเมียมตรงกระจังหน้า ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว (รุ่นปกติ 17 นิ้ว) ส่วนโลโกรุ่นพิเศษ 50 ปีมีแต้มแต่งตรงซุ้มล้อด้านข้าง ฝาครอบยางอะไหล่

ภายในใช้โทนสีให้สอดคล้องกับตัวถังภายนอก อย่างรุ่น 2.4 2WD ตัวถังสีทองที่ผมนำมาลองขับ เบาะหุ้มหนังสีนํ้าตาลสลับดำปักโลโกรุ่น 50 ปีที่พนักพิงพร้อมติดตั้งสครับเพลต รุ่นพิเศษ 50 ปี ที่บริเวณขอบประตูทั้ง 4 ด้าน นอกจากนี้ยังใจดีเปลี่ยนชุดเครื่องเสียงให้ใหม่ด้วย

mp33-3323-4a รูปโฉมภายนอกดูประหลาดแปลกตา ขับไปไหนต้องเผชิญกับสายตาชาวบ้านที่ฉงนสงสัยว่านี่คือรถยี่ห้ออะไร
ผมชื่นชมในการกล้าที่จะออกแบบให้แตกต่าง ปรับทิศทางให้ดูทันสมัย ไม่จำเจกับการเป็นรถทหารหรือแนวฮัมเมอร์-ฮัมวี่ ของสหรัฐอเมริกา ส่วนใครไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้อครับ แต่สำหรับคนที่ชอบ “ไทยรุ่ง”เขาดูแลเต็มที่ บางคนส่งรถให้ไปลองขับถึงหน้าบ้านด้วยซํ้า

mp33-3323-3a การขึ้น-ลงรถอาจจะลำบากสักนิด ด้วยระยะตํ่าสุดจากพื้น (Ground clearance) 284 มม. ไทยรุ่งจึงติดตั้งบันไดข้างและมือโหนภายในห้องโดยสารมาให้ด้วย ผมลองปีนขึ้น-ลงอยู่สักพักก็เริ่มสะดวกคล่องตัว

เมื่อเข้ามานั่งภายใน ก็เจอกับอารมณ์ของ “ไฮลักซ์ รีโว่” ทั้งพวงมาลัย หน้าจอแสดงผล คันเกียร์ แผงแดชบอร์ดและคอนโซลกลาง ขณะเดียวกันการออกแบบตัวถังแนวเหลี่ยมทรงตั้ง เน้นบึกบันจึงทำให้รถมีมุมบอดมากไปนิด

จริงอยู่ครับที่ตัวรถยกสูง ระดับการนั่งเทียบเท่ามินิบัส (ประมาณว่ามาจอดเทียบข้างกัน ก็หันไปสบตากับกระเป๋ารถเมล์ได้เลย) ตำแหน่งนั่งของคนขับสามารถมองสถานการณ์ด้านหน้าได้ไกล แต่การวางตำแหน่งของกระจกมองข้างที่ถูกบังคับจากทรงของรถนั้นบังทัศนวิสัยด้านข้าง เช่นเดียวกับ“เสา-บี” (B-pillars) ที่ปิดมุมมองด้านซ้ายไปพอสมควร
ถ้าไม่นับเรื่องจุดบอดอย่างน้อย 3 จุดของตัวรถ การที่รถสูงแบบนี้ผมชอบที่มองไปข้างหน้าได้ไกล สามารถคาดสถานการณ์ได้ยาวๆ พร้อมลุยได้ในทุกสภาวะ ขณะเดียวกันงานโครงสร้างอย่างพวกรอยต่อ จุดเชื่อมตัวถัง ขอบยางต่างๆ ไทยรุ่งทำได้ละเอียด พิถีพิถัน จังหวะการปิดประตูด้านข้างแน่นกระชับ

mp33-3323-2a ด้านพวงมาลัยแรกแอนด์พิเนียนพร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรง ยังมีนํ้าหนักมากตามสไตล์เอสยูวีขาลุยการเอี้ยวเลี้ยววนหาที่จอดอาจจะไม่คล่องแคล่ว (แต่ยังดีที่ไทยรุ่งติดกล้องมองหลังมาให้) การขับในเมืองอาจจะลำบากเรื่องการจอดและการกลับรถซึ่งผู้ขับต้องแน่ใจว่าฝั่งตรงข้ามมีถนน 3 เลนไว้รองรับถึงจะกลับครั้งเดียวพ้น

การนำไฮลักซ์ รีโว่ มาพัฒนาต่อเป็น “ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์ 2” ไม่ได้ปรับปรุงช่วงล่างหรือระบบเบรกใหม่ โดยด้านหน้าเป็นปีกนก 2 ชั้น หลังเป็นแหนบแผ่นซ้อน เบรกเป็นหน้าดิสก์ หลังดรัม เพราะไทยรุ่งมองว่า สามารถตอบสนองได้เพียงพอกับรถที่มีนํ้าหนัก 2,160 กิโลกรัม

แบนเนอร์รายการฐานยานยนต์-2 การขับจริง ช่วงล่างอาจจะกระเด้งกระดอนไปนิด ดังนั้นเจ้าของ(ผู้ขับ) ลองพิจารณาเรื่องการเติมลมยาง(ตามที่ชอบ) ซึ่งการเติมอ่อน-เติมแข็ง ย่อมมีผลกับอัตราเร่ง อัตราบริโภคนํ้ามัน และระยะเบรกละครับ

สมรรถนะจากเครื่องยนต์ดีเซล 2GD ขนาด 2.4 ลิตร ของโตโยต้ายังตอบสนองการขับขี่ได้ดี แรงบิด 400 นิวตัน-เมตร ช่วยฉุดดึงทันใจในช่วงออกตัว ส่วนวิ่งทางไกลพอความเร็วลอยตัวก็วิ่งฉลุย ขณะที่เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ส่งกำลังสู่ล้อหลังได้ต่อเนื่อง มาพร้อมโหมด Power และ Eco (ปุ่มฝังใกล้ๆคันเกียร์) สามารถเลือกบุคลิกการขับขี่ให้พุ่งพล่านมากขึ้น หรือเน้นประหยัดนํ้ามัน

mp33-3323-5a ด้านอัตราบริโภคนํ้ามันไทยรุ่งแจ้งว่า จากการขับบนความเร็วเฉลี่ย 100 กม./ชม. ในรุ่นนี้จะทำได้ 12-13 กม./ลิตร ส่วนการขับของผมใช้ความเร็ว 110-120 กม./ชม. วิ่งทางไกลต่างจังหวัดได้ตัวเลขประมาณ 10-11 กม./ลิตร (ตัวรถแจ้งเป็นหน่วยลิตร/ 100 กิโลเมตร)

รวบรัดตัดความ...ผ่านไป 50 ปีงานดีไม่มีตก วันนี้ไทยรุ่งยังกินดีหมีหัวใจเสือ ปั้น “พีพีวี” ที่ตนเองถือเป็นผู้บุกเบิกตลาดในเมืองไทย แม้เส้นทางจะทุรกันดาร ต้องฝ่าด่านหินกว่าเมื่อก่อน พร้อมต้นทุนเพิ่มขึ้น ราคาขายจึงสูงกว่าคู่แข่งซึ่งเป็นบริษัทรถยักษ์ใหญ่ แต่เชื่อว่ารถที่มีเอกลักษณ์ในสไตล์ของตนเอง พร้อมสมรรถนะที่สมบุกสมบัน จะยังมีที่ยืนอยู่ในตลาดครับ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,323 วันที่ 17 - 20 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9