ตลาดโครงสร้างเหล็กคึก ‘ไอยราวาณิชย์’รุกขยายฐาน
ไอยราวาณิชย์รุกขยายฐานตลาดอาคารโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูป ส่งมินิแฟกตอรีระดับ ราคา 5-10 ล้านบาท รองรับความต้องการของกลุ่มผู้ประกอบการโรงงานขนาดย่อม มั่นใจในเทคโนโลยีและคุณ ภาพ จะมาทดแทนโครงการก่ออิฐฉาบปูนแบบเดิมมากขึ้น
นายพชร วีระพันธ์ กรรมการบริหาร บริษัท ไอยราวาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดโครงสร้างเหล็กอาคารสำเร็จรูปแนวโน้มเติบโต จากการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจเอสเอ็ม อี ทำให้ความต้องการก่อสร้างโครงเหล็กสำเร็จรูปเพื่อนำมาเป็นที่ประกอบธุรกิจจึงมากขึ้นตามลำดับ เนื่องจากโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปมีความแข็งแรงทนทาน นํ้าหนักเบา ก่อสร้างได้รวดเร็ว ตรงเวลา คุมงบประมาณได้ ลดปัญหาการใช้แรงงาน อีกทั้งยังมีความสวยงาม ช่วยให้ภาพลักษณ์องค์กรดูดีขึ้น ที่สำคัญยังช่วยลดต้นทุนการก่อสร้างได้ ประกอบกับเมื่อเพิ่มศักยภาพของการนำเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับระบบภายในมาใช้ยิ่งทำให้บริษัทสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังนำเอาเทคโนโลยีระบบ Warehouses Automation จากประเทศเกาหลีมาใช้ ทำให้เพิ่มศักยภาพในการเป็นผู้นำตลาดทางการก่อสร้างสำเร็จรูปได้มากขึ้น และยังสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วนและจากการที่บริษัทเปิดรับหาดีลเลอร์มาเป็นพันธมิตรในการขยายธุรกิจนั้นมีดีลเลอร์ให้การตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้มั่นใจว่าในปี 2561 จะสามารถขยายธุรกิจได้อย่างกว้างครบทุกภูมิภาคของประเทศเพื่อรองรับความต้อง การใช้โครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปที่มี มูลค่าตลาดรวมกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการ ด้านโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปทั้งในและนอกประเทศ ประมาณ 4-5 ราย ทำให้การแข่งขันไม่รุนแรงมากนัก แต่บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถขยายตลาดได้ตามเป้าหมาย แม้ว่าจะมีราคาเฉลี่ยสูงกว่าคู่แข่งประมาณ 10-15% ก็ตาม เพราะสินค้ามีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล มีความแข็งแรง คงทน รวมถึงเน้นการให้บริการก่อนและหลังการขายอย่างมีประสิทธิภาพ
“เราได้เปิดดำเนินการธุรกิจมา 5 ปี มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 10-15% และในปีหน้าจะขยายฐานตลาดจับกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยมากขึ้น โดยจะออกแบบโรงงานขนาดย่อม หรือมินิแฟกตอรีไว้ให้กลุ่มนักลงทุนรายย่อยได้เลือก 4-5 แบบ ระดับราคาตั้งแต่ 5-10 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ คาดว่าจะเริ่มทำตลาดได้ราวต้นปีหน้า”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,323 วันที่ 17 - 20 ธันวาคม พ.ศ. 2560
นายพชร วีระพันธ์ กรรมการบริหาร บริษัท ไอยราวาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดโครงสร้างเหล็กอาคารสำเร็จรูปแนวโน้มเติบโต จากการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจเอสเอ็ม อี ทำให้ความต้องการก่อสร้างโครงเหล็กสำเร็จรูปเพื่อนำมาเป็นที่ประกอบธุรกิจจึงมากขึ้นตามลำดับ เนื่องจากโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปมีความแข็งแรงทนทาน นํ้าหนักเบา ก่อสร้างได้รวดเร็ว ตรงเวลา คุมงบประมาณได้ ลดปัญหาการใช้แรงงาน อีกทั้งยังมีความสวยงาม ช่วยให้ภาพลักษณ์องค์กรดูดีขึ้น ที่สำคัญยังช่วยลดต้นทุนการก่อสร้างได้ ประกอบกับเมื่อเพิ่มศักยภาพของการนำเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับระบบภายในมาใช้ยิ่งทำให้บริษัทสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการ ด้านโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปทั้งในและนอกประเทศ ประมาณ 4-5 ราย ทำให้การแข่งขันไม่รุนแรงมากนัก แต่บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถขยายตลาดได้ตามเป้าหมาย แม้ว่าจะมีราคาเฉลี่ยสูงกว่าคู่แข่งประมาณ 10-15% ก็ตาม เพราะสินค้ามีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล มีความแข็งแรง คงทน รวมถึงเน้นการให้บริการก่อนและหลังการขายอย่างมีประสิทธิภาพ
“เราได้เปิดดำเนินการธุรกิจมา 5 ปี มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 10-15% และในปีหน้าจะขยายฐานตลาดจับกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยมากขึ้น โดยจะออกแบบโรงงานขนาดย่อม หรือมินิแฟกตอรีไว้ให้กลุ่มนักลงทุนรายย่อยได้เลือก 4-5 แบบ ระดับราคาตั้งแต่ 5-10 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ คาดว่าจะเริ่มทำตลาดได้ราวต้นปีหน้า”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,323 วันที่ 17 - 20 ธันวาคม พ.ศ. 2560
