การเตรียมกลไก แก้วิกฤติการเงินในอนาคต

16 ธ.ค. 2560 | 13:19 น.
MP23-3322-1A ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของโลกในยุคปัจจุบันซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่หลากหลายรูปแบบ และปัญหาอาจมีความรวดเร็วและรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ทำให้สถาบันการเงินต่างๆ ให้ความสำคัญกับการมีแนวทางในการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดีขึ้น โดยมีการกำหนดนโยบายการบริหารความเสี่ยง ควบคุม และติดตามความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมถึงมีการจัดเตรียมแผน การดำเนินการที่เกี่ยวข้องรองรับไว้ในยามฉุกเฉิน เช่น แผนการรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แผนการบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง แผนการเสริมสร้างด้านเงินกองทุนเพื่อให้สถาบันการเงินมีความเข้มแข็งและป้องกันไม่ให้การให้บริการทางการเงินหยุดชะงัก

นอกจากนี้ยังมีแนวทางการประสานงานกับผู้กำกับดูแลอย่างใกล้ชิดทั้งในช่วงภาวะปกติและภาวะที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เพื่อให้ทุกฝ่ายรับทราบและสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที

นอกจากสถาบันการเงินจะมีการดูแลจัดการแก้ไขปัญหาตามแนวทางในการบริหารความเสี่ยงของตนเองแล้ว ผู้กำกับดูแลอย่างธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เองก็มีแนวทางในการกำกับดูแล และติดตามความเสี่ยง รวมถึงแนวทางดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาของสถาบันการเงินที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจควบคู่กันไปด้วย
อย่างไรก็ตามปัจจุบันไทยยังขาดกลไกในการแก้ไขปัญหาฐานะของสถาบันการเงินที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากกฎหมายที่กำหนดกลไกการแก้ไขปัญหาในลักษณะดังกล่าวได้สิ้นสุดลงตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งธปท.ได้ดำเนินการเพื่อให้มีกฎหมายรองรับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมการรองรับการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินที่ประสบวิกฤติทางการเงินไว้ล่วงหน้า

บาร์ไลน์ฐาน กลไกที่ธปท. เสนอนั้นอยู่ระหว่างพิจารณาในกระบวนการแก้ไขกฎหมาย โดยสอดคล้องกับหลักการของการแก้ไขปัญหาตามกลไกที่กำหนดในกฎหมายเดิม แต่ได้ปรับเพิ่มให้แนวทางการแก้ไขปัญหาสอดคล้องกับหลักการสากลมากขึ้น ซึ่งสรุปสาระสำคัญ คือ

(1)กระบวนการตัดสินใจแก้ไขปัญหาจะมีความชัดเจนและรวดเร็ว และมีการถ่วงดุลอำนาจ โดยธปท. จะดำเนินการเสนอแผนการแก้ไขปัญหาต่อรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังเพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติแก้ไขปัญหา

(2)ผู้ดำเนินการแก้ไขปัญหาจะถูกกำหนดอย่างชัดเจน โดยให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ดำเนินการตามแผนที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ

(3)เครื่องมือแก้ไขปัญหาจะมีความหลากหลายเพื่อให้การแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพ โดยมีการกำหนดทั้งเครื่องมือทางการเงิน เช่น การให้กู้ยืม การซื้อหุ้นเพิ่มทุน และเครื่องมืออื่นๆ ที่คณะรัฐมนตรีจะเป็นผู้อนุมัติในแผนการแก้ไขปัญหา

(4)การชดเชยภาระความเสียหายจากการแก้ไขปัญหาจะถูกกำหนดไว้ชัดเจน โดยให้สถาบันการเงินที่ประสบปัญหาเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายก่อน และภาระส่วนที่เหลือให้สถาบันการเงินในระบบร่วมชดเชยในภายหลัง รัฐบาลก็อาจพิจารณาเข้าร่วมชดเชยภาระความเสียหายดังกล่าวด้วยได้

ในช่วงเวลาที่ระบบสถาบันการเงินและระบบเศรษฐกิจมีความเข้มแข็งเช่นในปัจจุบัน ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเตรียมกลไกเพื่อรองรับการแก้ไขปัญหาของสถาบันการเงินที่มีผลกระทบต่อระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจไว้ล่วงหน้า เปรียบเสมือนการสร้างบันไดหนีไฟเตรียมไว้ ซึ่งโดยหลักการแล้วกลไกที่กำหนดนี้มิได้ใช้สำหรับการให้ความช่วยเหลือสถาบันการเงินเพียงแห่งใดแห่งหนึ่ง แต่เป็นการใช้สำหรับรักษาเสถียรภาพโดยรวมของระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการทางการเงินว่าจะสามารถได้รับบริการทางการเงินได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน และผู้ฝากเงิน ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นรากฐานสำคัญในการเติมเต็มกลไกการกำกับดูแลระบบสถาบันการเงินให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น เพื่อให้ระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจของไทยขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง

บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคลจึงไม่จำเป็นต้องสอด คล้องกับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,322 วันที่ 14 - 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9