มาเซราติชูโมเดลใหม่ พุ่งเป้าขยายฐานลูกค้า

16 ธ.ค. 2560 | 09:00 น.
ชื่อของมาเซราติในประเทศไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากได้ผู้จำหน่ายรายใหม่ ในชื่อ บริษัท ดีไซน์ มอเตอร์เวอร์ค จำกัด ที่อยู่ภายใต้กลุ่มบริษัท มาสเตอร์กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย (MGC-ASIA) โดยหลังจากได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ก็จัดการทั้งหน้าบ้านหลังบ้านใหม่ทั้งหมด

พร้อมกันนั้นได้แต่งตั้ง ปิยะเทพ ศิวากาศ มาเป็นผู้จัดการทั่วไป มาเซราติ ประเทศไทย โดย หลังจากรับตำแหน่งก็มีการประกาศพันธกิจ 9 ประการ เพื่อจะนำชื่อแบรนด์มาเซราติ ให้กลับมาโลดแล่นในตลาดรถหรูเมืองไทย ซึ่งพันธกิจที่วางไว้จะเป็นอย่างไร วันนี้ฐานยานยนต์มีโอกาสพูดคุยกับผู้กุมบังเหียนใหญ่อย่าง “ปิยะเทพ” ที่จะมาบอกกล่าวเล่าความสำเร็จของแบรนด์มาเซราติในประเทศไทย

[caption id="attachment_241499" align="aligncenter" width="373"] ปิยะเทพ ศิวากาศ มาเป็นผู้จัดการทั่วไป มาเซราติ ประเทศไทย ปิยะเทพ ศิวากาศ มาเป็นผู้จัดการทั่วไป มาเซราติ ประเทศไทย[/caption]

++พันธกิจ 9 ข้อ
เราได้ประกาศพันธกิจ 9 ประการ ที่ประกอบไปด้วย 1. การสร้างความเชื่อมั่นด้วยการรับประกันตัวสินค้า 3 ปี ฟรีค่าบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 6 หมื่นกิโลเมตร 2.การสร้างโชว์รูมตามมาตรฐานมาเซราติ ซึ่งเราเพิ่งเปิดอย่างเป็นทางการ ด้วยงบลงทุนกว่า 150 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันเรามีโชว์รูม 2 แห่งคือ สุขุมวิท 26 และ สยามพารากอน

3. สร้างศูนย์บริการตามมาตรฐานมาเซราติ ที่มี 8 ช่องซ่อม สามารถรองรับประชากรมาเซราติที่มีกว่า 200 คันในปัจจุบันได้ 4. ติดตั้งอุปกรณ์ศูนย์บริการ และเครื่องมือพิเศษที่รองรับรถมาเซราติทุกรุ่น เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าบริการเทียบเท่ากับมาตรฐานระดับโลก 5. การสร้างทีมงาน บุคลากรมืออาชีพทั้งในส่วนฝ่ายขายและฝ่ายบริการหลังการขาย 6. อบรมบุคลากรด้านการขายและบริการหลังการขาย 7. บริการด้วยอะไหล่แท้จาก มาเซราติ ประเทศอิตาลี 8. ให้คำแนะนำและการบริการซ่อมตามมาตรฐานมาเซราติ และ 9. สร้างความมั่นใจและความพึงพอใจอย่างสูงสุดแก่ลูกค้ามาเซราติ

จากพันธกิจ 9 ข้อที่ได้ประกาศไปนั้น เราได้ทำหมดแล้วและพร้อมที่จะดำเนินกลยุทธ์และพาแบรนด์มาเซราติในประเทศไทยให้ก้าวไป

แบนเนอร์รายการฐานยานยนต์-2 ++แผนงานด้านผลิตภัณฑ์
ปัจจุบันเรามีรุ่นรถที่จำหน่ายได้แก่ กิบลี ,เลอวานเต้, ควอตโตรปอร์เต้ , แกรนด์ทัวริสโม ราคาจำหน่าย 7.99-12.49 ล้านบาท และล่าสุดเราได้เปิดตัว เลอวานเต้ เอส พวงมาลัยขวาเป็นครั้งแรกในเอเชีย ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34 ส่วนต้นปีหน้าเราจะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ให้มากขึ้น

สำหรับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเปิดตัวสู่ตลาดนั้น ถือเป็น Global strategy ที่บริษัทแม่ได้วางไว้ โดยมีเป้าหมายจากการขายในหลักพันคัน เป็นหลักหมื่น ซื่งนับตั้งแต่ปี 2014 มาเซราติ ขายได้ 7,000 คัน แต่หลังจากบริษัทแม่มีการสนับสนุนและเดินหน้ากลยุทธ์ใหม่ด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆสู่ตลาดโลกไม่ว่าจะเป็นกิบลี 2014 ,เลอวานเต้ 2016 ,ควอตโตรปอร์เต้ ไมเนอร์เชนจ์ ทำให้มียอดขายกว่า 5 หมื่นคันในปีที่ผ่านมา หรือเติบโตกว่า 100%

++กลยุทธ์การตลาด
จากการสนับสนุนของบริษัทแม่ที่มีต่อผู้แทนจำหน่าย ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ก้าวไปสู่การเป็นพรีเมียมลักซัวรี่มากขึ้น ซึ่งเราจะมีการสื่อสาร ทั้งผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ พร้อมกับจัดกิจกรรมด้านการตลาด เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงจุดเด่น รวมไปถึงความเป็นเฮอริเทจของแบรนด์มาเซราติ และเรายังมีเป้าหมายคือการสร้างประสบการณ์กับลูกค้า ผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ การขับขี่ทั้งแบบออนโรด และ ออนแทร็กเพื่อให้ลูกค้าเกิดการรับรู้ และมีความมั่นใจในแบรนด์มาเซราติ นอกจากนั้นแล้วเราต้องการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นเพราะแต่เดิมแบรนด์มาเซราติเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ชายแต่หลังจากนี้ก็จะขยายฐานมายังกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้หญิงมากขึ้น

บาร์ไลน์ฐาน ++ผลการดำเนินงาน
ยอดขายนับตั้งแต่เราเข้ามาทำตลาด เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ถือว่าลูกค้าให้การตอบรับที่ดี โดยเราประเมินว่าสิ้นปีนี้จะมียอด 40 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 10 คัน แบ่งออกเป็นเลอวานเต้ 80%, กิบลี 15% และควอตโตรปอร์เต้ กับแกรนด์ทัวริสโม 5%

ส่วนเป้าหมายในปีหน้าต้องการขยับสัดส่วนการขายของรถในกลุ่มซีดานให้มากขึ้น ทั้งนี้คาดว่าในไตรมาส 1 ปีหน้าจะมีการเปิดตัวรุ่นใหม่จากต่างประเทศ และจะส่งผลให้สัดส่วนการขายขยับปรับเปลี่ยนโดยแบ่งเป็น เลอวันเต้ 60% ,กิบลี 25% และ ควอตโตปอร์เต้ กับแกรนด์ทัวริสโม 15%

เราตั้งเป้าหมายว่าภายใน 3 ปี มาเซราติจะต้องมียอดขายไปสู่หลัก 100 คัน

++ภาพรวมตลาดรถหรู
ตลาดรวมรถหรูมียอดขายรวมกันไม่ตํ่ากว่า2.5 หมื่นคัน และเป็นตลาดที่ค่อยๆโต ขณะที่กลุ่มพรีเมียมลักชัวรีที่มีราคาขายตั้งแต่ 7 ล้านบาทขึ้นไป มีปริมาณการขายต่อปีประมาณ 2,000 คัน แม้จะเป็นตัวเลขหลักพันแต่ในแง่มูลค่าของกลุ่มนี้ถือว่าสูง โดยปัจจัยที่มีผลต่อการเติบโตของรถกลุ่มนี้ขึ้นอยู่กับการกระตุ้นตลาดของแต่ละแบรนด์,การมีโมเดลใหม่ๆเปิดตัวส่วนปัจจัยอื่นๆ อาทิ ภาพรวมเศรษฐกิจ ,การอัดฉีดเม็ดเงินจากภาครัฐในโครงการต่างๆไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างรถไฟฟ้า, โครงการอีอีซี,การเลือกตั้ง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,322 วันที่ 14 - 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9