‘เครื่องทำน้ำอุ่น’ ชิงเค้ก! อัดแคมเปญรับหนาว ส่งรุ่นใหม่สู้ตลาด 3,500 ล้าน
เปิดศึกชิงแชร์ตลาด “เครื่องทำน้ำอุ่น” กว่า 3,500 ล้านบาท ... “พานาโซนิค” คลอดรุ่นใหม่ 3,500 วัตต์ พร้อมลดไซซ์ลง 20% เจาะตลาดคอนโดฯ ... “สตีเบล” อัดกิจกรรมการตลาดแบบครบวงจร ดันยอดโค้งท้ายโต 10% พร้อมจ่อคลอดสินค้าใหม่ 3-5 รุ่น รุกตลาดปีหน้า ขณะที่ “มาซูม่า” เปิดตัวรุ่นใหม่ 3 รุ่น รับเทรนด์ตลาดขาขึ้น
แม้ว่าภาพรวมตลาด ‘เครื่องทำน้ำอุ่น’ เมืองไทย จะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก เมื่อเทียบกับตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในแคติกอรีอื่น ๆ และมีจำนวนผู้เล่นหลักเพียง 4-5 ราย แต่ทว่าการแข่งขันกลับดุเดือดไม่แพ้กัน โดยเฉพาะใน 3 เดือนสุดท้าย ที่ถือว่า เป็นช่วงไฮซีซันที่มีสัดส่วนดีมานด์ตลาดสูงถึง 40% ของทั้งปี ทำให้แต่ละแบรนด์ต่างงัดไม้เด็ดออกมากระตุ้นยอดขายในช่วงเวลาที่มีการแข่งขัน
[caption id="attachment_40826" align="aligncenter" width="500"]
รังสิยา สุพัตพณิชการ
รองผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์
บริษัท พานาโซนิค เอ.พี.เซลส์ (ประเทศไทย)[/caption]
นางรังสิยา สุพัตพณิชการ รองผู้อำนวยการส่วนการตลาดและฝ่ายโฆษณา ประชาสัมพันธ์ บริษัท พานาโซนิค เอ.พี. เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์พานาโซนิค เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ได้เปิดตัวเครื่องทำน้ำอุ่นรุ่นใหม่ในกลุ่มสแตนดาร์ด ขนาด 3,500 วัตต์ ในราคา 3,290 บาท ที่มีขนาดเล็กลงจากรุ่นปกติ 20% โดยจะเน้นเจาะตลาดกลุ่มผู้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมเป็นหลัก เนื่องจากตลาดดังกล่าวถือว่ามีการขยายตัวค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับเซ็กเมนต์อื่น ๆ ขณะที่ สินค้ารองลงมาจะเป็นขนาด 4,500 วัตต์ ในแบบพรีเมียม ที่บริษัทจะขยายฐานไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ในเขตเมือง
“แม้ปัจจุบัน เทรนด์ของคนรุ่นใหม่จะนิยมเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่น จะเป็นเทรนด์ของการดูแลสุขภาพมากกว่าเรื่องอากาศอย่างใดอดีต แต่ว่าสัดส่วนยอดขายหลักยังคงมาจากช่วงเดือน ต.ค. ถึง ธ.ค. 40% ซึ่งสอดคล้องกับสภาพอากาศอยู่ และแต่ละแบรนด์จึงเน้นทำกิจกรรมในช่วงดังกล่าว เพื่อกระตุ้นตลาด ซึ่งปัจจุบัน อัตราการครอบครองเครื่องทำน้ำอุ่นของคนไทยอยู่ที่ 20% และเป็นกลุ่มคนเมืองถึง 40% ดังนั้น จึงมองว่า ตลาดยังมีโอกาสเติบโตสูง”
ขณะเดียวกัน ยังได้เตรียมจัดแคมเปญ ‘Great New Year Sale’ เมื่อซื้อครบ 5,000 บาท มีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลมากมาย และผ่อน 0% นาน 6 เดือน พร้อมกับชูคุณภาพสินค้ามาตรฐานญี่ปุ่น และเน้นเรื่องความปลอดภัยของสินค้าเป็นจุดขายสำคัญ โดยมั่นใจว่า ตลอดช่วงไฮซีซันนี้ บริษัทจะสามารถสร้างยอดขาย (จำนวนเครื่อง) เติบโตที่ 12-15% พร้อมกับครองส่วนแบ่งทางการตลาดในเชิงมูลค่าที่ 23% และเชิงปริมาณ 25%
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า ภาพรวมตลาดเครื่องทำน้ำอุ่นปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา ที่มีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท โดยมีขนาด 3,500 วัตต์ เป็นตัวหลักในการไดร์ฟตลาด มีสัดส่วน (ในเชิงจำนวน) ที่ 50% รองลงมา ได้แก่ ขนาด 4,500 วัตต์ 35% และขนาด 5,000-6,000 วัตต์ 15%
ด้าน นายโรลันด์ เฮิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเซีย จำกัด ผู้ผลิตเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน จากประเทศเยอรมนี กล่าวว่า ได้เตรียมรุกตลาดเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน รุ่นใหม่ราว 3-5 รุ่น ออกมารุกตลาดอย่างต่อเนื่อง จากที่ได้มีการเปิดตัวสินค้าทั้งสิ้น 5 รุ่น ไปก่อนหน้า ขณะที่ แผนงานเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดในช่วงปลายปีนี้ บริษัทได้เตรียมจัดกิจกรรมทางการตลาดผ่านช่องทางการขายที่ครอบคลุมทุกช่องทาง ผ่านการพัฒนาสินค้ารุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งโมเดิร์นเทรด เทรดดิชั่นนอลเทรด ช่องทางออนไลน์ การขยายตลาดผ่านพาร์ตเนอร์ และการบริการที่ผสมผสานการตลาดในการขยายฐานลูกค้า
อย่างไรก็ตาม บริษัทวางเป้าหมายยอดขายในสิ้นปีนี้ ว่า จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 10% จากปีที่ผ่านมาที่สามารถปิดยอดขายกว่า 1,100 ล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวนราว 4 แสนเครื่อง และครองส่วนแบ่งทางการตลาด 25% เป็นผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายระยะยาว 5 ปีนับจากนี้ ว่า จะสามารถปิดรายได้ที่ 2,000 ล้านบาท โดยล่าสุด ได้เปิดตัวปั๊มน้ำสตีเบล บูส มีให้เลือก 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น 3A-CS, รุ่น 4A-CS, รุ่น 6A-CS และรุ่น 7A-CS ราคาจำหน่ายเริ่มต้นตั้งแต่ 7,990-12,990 บาท ออกมารุกตลาด
ขณะที่ นายพัลลภ เชี่ยวชาญวิทยเวช ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท สตีเบล เอลทรอนเอเซีย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเครื่องทำน้ำอุ่นเมืองไทยปีนี้ น่าจะกลับมาเติบโตได้ดีอีกครั้ง จากช่วงต้นปีที่ผ่านมา ที่บริษัทคาดการณ์ว่า ภาพรวมตลาดเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน ในปีนี้อาจจะไม่มีการเติบโต เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจกำลังซื้อที่ชะลอตัว ส่งผลให้ประชาชนไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายมากนัก บวกกับเมืองไทยไม่ได้มีสภาพอากาศที่หนาวจัดมานานหลายปี แต่ขณะเดียวกัน จากสภาพอากาศที่เริ่มมีลมหนาวเข้ามาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา พบว่า ภาพรวมตลาดเริ่มดีดตัวกลับมมาเติบโตอีกครั้ง จากช่วงแรกที่ภาพรวมตลาดทรงตัวไปจนถึงติดลบ โดยในส่วนของบริษัท ตั้งแต่เดือน พ.ย.-ธ.ค. สามารถสร้างยอดขายเติบโตเกิน 10%
[caption id="attachment_114544" align="aligncenter" width="503"]
พัลลภ เชี่ยวชาญวิทยเวช[/caption]
“เรา คือ บริษัทผู้ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำอุ่น-น้ำร้อนเป็นหลัก ฉะนั้น แผนงานหลักของเรา คือ ทำอย่างไรให้บริษัทประสบความสำเร็จในทุกสภาพตลาด ทั้งการเปิดตัวโปรโมชันใหม่ ๆ และการสื่อสารต่าง ๆ เพื่อสร้างการรับรู้ในตัวแบรนด์อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้โฟกัสอยู่แค่ปัจจัยบวกจากสภาพอากาศเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า หากปีใหม่มีสภาพอากาศที่หนาวเข้ามาเป็นปัจจัยบวก ก็จะส่งผลให้ยอดขายสามารถเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ง่ายขึ้น”
ด้าน นายศรัล ดุรงค์เดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาซูม่า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องกรองน้ำ, เครื่องทำน้ำอุ่นมาซูม่า กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทได้เปิดตัวเครื่องทำน้ำอุ่นทั้งสิ้น 3 รุ่น ในการรุกตลาด ได้แก่ รุ่น zenic, ICON PLUS Rain Shower และ IVY PLUS Rain Shower ควบคู่กับการทำกิจกรรมทางการตลาด เพื่อสร้างการรับรู้ในตัวแบรนด์ไปยังกลุ่มลูกค้า โดยชูความเป็นสินค้าคุณภาพ มาตรฐานปลอดภัย และศูนย์ ‘MAZUMA Smart Center’ บริการลูกค้าทั้ง 18 แห่ง ทั่วประเทศ ในการสร้างความน่าเชื่อถือของตัวแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตในช่วง 3 เดือน (ต.ค.-ธ.ค.) ไว้ที่ 10% และตลอดทั้งปี 7% พร้อมกับครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นลำดับ 3 ที่ 23% ขณะที่ ภาพรวมการเติบโตของตลาดตลอดทั้งปี คาดการณ์ว่า จะเติบโต 3-5% และมีมูลค่าตลาดรวม 3,500 ล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,322 วันที่ 14 - 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560
แม้ว่าภาพรวมตลาด ‘เครื่องทำน้ำอุ่น’ เมืองไทย จะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก เมื่อเทียบกับตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในแคติกอรีอื่น ๆ และมีจำนวนผู้เล่นหลักเพียง 4-5 ราย แต่ทว่าการแข่งขันกลับดุเดือดไม่แพ้กัน โดยเฉพาะใน 3 เดือนสุดท้าย ที่ถือว่า เป็นช่วงไฮซีซันที่มีสัดส่วนดีมานด์ตลาดสูงถึง 40% ของทั้งปี ทำให้แต่ละแบรนด์ต่างงัดไม้เด็ดออกมากระตุ้นยอดขายในช่วงเวลาที่มีการแข่งขัน
[caption id="attachment_40826" align="aligncenter" width="500"]
รองผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์
บริษัท พานาโซนิค เอ.พี.เซลส์ (ประเทศไทย)[/caption]
นางรังสิยา สุพัตพณิชการ รองผู้อำนวยการส่วนการตลาดและฝ่ายโฆษณา ประชาสัมพันธ์ บริษัท พานาโซนิค เอ.พี. เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์พานาโซนิค เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ได้เปิดตัวเครื่องทำน้ำอุ่นรุ่นใหม่ในกลุ่มสแตนดาร์ด ขนาด 3,500 วัตต์ ในราคา 3,290 บาท ที่มีขนาดเล็กลงจากรุ่นปกติ 20% โดยจะเน้นเจาะตลาดกลุ่มผู้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมเป็นหลัก เนื่องจากตลาดดังกล่าวถือว่ามีการขยายตัวค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับเซ็กเมนต์อื่น ๆ ขณะที่ สินค้ารองลงมาจะเป็นขนาด 4,500 วัตต์ ในแบบพรีเมียม ที่บริษัทจะขยายฐานไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ในเขตเมือง
“แม้ปัจจุบัน เทรนด์ของคนรุ่นใหม่จะนิยมเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่น จะเป็นเทรนด์ของการดูแลสุขภาพมากกว่าเรื่องอากาศอย่างใดอดีต แต่ว่าสัดส่วนยอดขายหลักยังคงมาจากช่วงเดือน ต.ค. ถึง ธ.ค. 40% ซึ่งสอดคล้องกับสภาพอากาศอยู่ และแต่ละแบรนด์จึงเน้นทำกิจกรรมในช่วงดังกล่าว เพื่อกระตุ้นตลาด ซึ่งปัจจุบัน อัตราการครอบครองเครื่องทำน้ำอุ่นของคนไทยอยู่ที่ 20% และเป็นกลุ่มคนเมืองถึง 40% ดังนั้น จึงมองว่า ตลาดยังมีโอกาสเติบโตสูง”
ขณะเดียวกัน ยังได้เตรียมจัดแคมเปญ ‘Great New Year Sale’ เมื่อซื้อครบ 5,000 บาท มีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลมากมาย และผ่อน 0% นาน 6 เดือน พร้อมกับชูคุณภาพสินค้ามาตรฐานญี่ปุ่น และเน้นเรื่องความปลอดภัยของสินค้าเป็นจุดขายสำคัญ โดยมั่นใจว่า ตลอดช่วงไฮซีซันนี้ บริษัทจะสามารถสร้างยอดขาย (จำนวนเครื่อง) เติบโตที่ 12-15% พร้อมกับครองส่วนแบ่งทางการตลาดในเชิงมูลค่าที่ 23% และเชิงปริมาณ 25%
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า ภาพรวมตลาดเครื่องทำน้ำอุ่นปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา ที่มีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท โดยมีขนาด 3,500 วัตต์ เป็นตัวหลักในการไดร์ฟตลาด มีสัดส่วน (ในเชิงจำนวน) ที่ 50% รองลงมา ได้แก่ ขนาด 4,500 วัตต์ 35% และขนาด 5,000-6,000 วัตต์ 15%
ด้าน นายโรลันด์ เฮิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเซีย จำกัด ผู้ผลิตเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน จากประเทศเยอรมนี กล่าวว่า ได้เตรียมรุกตลาดเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน รุ่นใหม่ราว 3-5 รุ่น ออกมารุกตลาดอย่างต่อเนื่อง จากที่ได้มีการเปิดตัวสินค้าทั้งสิ้น 5 รุ่น ไปก่อนหน้า ขณะที่ แผนงานเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดในช่วงปลายปีนี้ บริษัทได้เตรียมจัดกิจกรรมทางการตลาดผ่านช่องทางการขายที่ครอบคลุมทุกช่องทาง ผ่านการพัฒนาสินค้ารุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งโมเดิร์นเทรด เทรดดิชั่นนอลเทรด ช่องทางออนไลน์ การขยายตลาดผ่านพาร์ตเนอร์ และการบริการที่ผสมผสานการตลาดในการขยายฐานลูกค้า
อย่างไรก็ตาม บริษัทวางเป้าหมายยอดขายในสิ้นปีนี้ ว่า จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 10% จากปีที่ผ่านมาที่สามารถปิดยอดขายกว่า 1,100 ล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวนราว 4 แสนเครื่อง และครองส่วนแบ่งทางการตลาด 25% เป็นผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายระยะยาว 5 ปีนับจากนี้ ว่า จะสามารถปิดรายได้ที่ 2,000 ล้านบาท โดยล่าสุด ได้เปิดตัวปั๊มน้ำสตีเบล บูส มีให้เลือก 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น 3A-CS, รุ่น 4A-CS, รุ่น 6A-CS และรุ่น 7A-CS ราคาจำหน่ายเริ่มต้นตั้งแต่ 7,990-12,990 บาท ออกมารุกตลาด
ขณะที่ นายพัลลภ เชี่ยวชาญวิทยเวช ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท สตีเบล เอลทรอนเอเซีย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเครื่องทำน้ำอุ่นเมืองไทยปีนี้ น่าจะกลับมาเติบโตได้ดีอีกครั้ง จากช่วงต้นปีที่ผ่านมา ที่บริษัทคาดการณ์ว่า ภาพรวมตลาดเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน ในปีนี้อาจจะไม่มีการเติบโต เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจกำลังซื้อที่ชะลอตัว ส่งผลให้ประชาชนไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายมากนัก บวกกับเมืองไทยไม่ได้มีสภาพอากาศที่หนาวจัดมานานหลายปี แต่ขณะเดียวกัน จากสภาพอากาศที่เริ่มมีลมหนาวเข้ามาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา พบว่า ภาพรวมตลาดเริ่มดีดตัวกลับมมาเติบโตอีกครั้ง จากช่วงแรกที่ภาพรวมตลาดทรงตัวไปจนถึงติดลบ โดยในส่วนของบริษัท ตั้งแต่เดือน พ.ย.-ธ.ค. สามารถสร้างยอดขายเติบโตเกิน 10%
[caption id="attachment_114544" align="aligncenter" width="503"]
“เรา คือ บริษัทผู้ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำอุ่น-น้ำร้อนเป็นหลัก ฉะนั้น แผนงานหลักของเรา คือ ทำอย่างไรให้บริษัทประสบความสำเร็จในทุกสภาพตลาด ทั้งการเปิดตัวโปรโมชันใหม่ ๆ และการสื่อสารต่าง ๆ เพื่อสร้างการรับรู้ในตัวแบรนด์อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้โฟกัสอยู่แค่ปัจจัยบวกจากสภาพอากาศเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า หากปีใหม่มีสภาพอากาศที่หนาวเข้ามาเป็นปัจจัยบวก ก็จะส่งผลให้ยอดขายสามารถเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ง่ายขึ้น”
ด้าน นายศรัล ดุรงค์เดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาซูม่า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องกรองน้ำ, เครื่องทำน้ำอุ่นมาซูม่า กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทได้เปิดตัวเครื่องทำน้ำอุ่นทั้งสิ้น 3 รุ่น ในการรุกตลาด ได้แก่ รุ่น zenic, ICON PLUS Rain Shower และ IVY PLUS Rain Shower ควบคู่กับการทำกิจกรรมทางการตลาด เพื่อสร้างการรับรู้ในตัวแบรนด์ไปยังกลุ่มลูกค้า โดยชูความเป็นสินค้าคุณภาพ มาตรฐานปลอดภัย และศูนย์ ‘MAZUMA Smart Center’ บริการลูกค้าทั้ง 18 แห่ง ทั่วประเทศ ในการสร้างความน่าเชื่อถือของตัวแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตในช่วง 3 เดือน (ต.ค.-ธ.ค.) ไว้ที่ 10% และตลอดทั้งปี 7% พร้อมกับครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นลำดับ 3 ที่ 23% ขณะที่ ภาพรวมการเติบโตของตลาดตลอดทั้งปี คาดการณ์ว่า จะเติบโต 3-5% และมีมูลค่าตลาดรวม 3,500 ล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,322 วันที่ 14 - 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560
