‘แมลงทอดภูฟาร์ม’ โกอินเตอร์! ขยายตลาดส่งออก แตกไลน์ผลิตน้ำเพื่อสุขภาพ

17 ธ.ค. 2560 | 04:33 น.
1128

“พงษ์เพชรอินเตอร์ฟาร์ม” เตรียมขยายตลาด “แมลงทอด” ไปเมียนมาและสิบสองปันนา ขยายฐานลูกค้า พร้อมแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ไปสู่น้ำเพื่อสุขภาพ หวังรักษาระดับรายได้ไม่ให้ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ในปี 61

นายพัทธพงษ์ พงษ์เพชร ประธานกรรมการ หจก.พงษ์เพชรอินเตอร์ภูฟาร์ม ผู้ผลิตและจำหน่ายแมลงทอดอัดกระป๋องแบรนด์ ‘ภูฟาร์ม’ และรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์อื่น (OEM) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กำลังเตรียมตัวขยายตลาด ‘แมลงทอดอัดกระป๋อง’ ไปยังเมียนมาและสิบสองปันนาของจีน เพื่อขยายฐานลูกค้าของบริษัท ทั้งในรูปแบบของการเข้าไปทำตลาดด้วยตนเอง และขยายฐานลูกค้าจากเดิมที่มีการทำตลาดอยู่แล้ว ในกัมพูชา ลาว และเวียดนาม โดยยึดรูปแบบในการทำธุรกิจแบบเดิม ซึ่งบริษัทจะเข้าไปทำตลาดแค่ในระยะเริ่มต้น หลังจากนั้นเมื่อแบรนด์เป็นที่รู้จัก และผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับก็จะปล่อยให้ลูกค้าทำตลาดเอง โดยที่บริษัททำ OEM ให้


TP13-3322-2A

นอกจากนี้ ยังเตรียมต่อยอดผลิตภัณฑ์ไปสู่การผลิตน้ำเพื่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น น้ำลูกหม่อน น้ำมะขามป้อม และน้ำหมากเม่า เป็นต้น โดยล่าสุด ได้ดำเนินการเรื่องการก่อสร้างโรงงานเพื่อผลิตน้ำเพื่อสุขภาพดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยลงทุนกว่า 7 ล้านบาท ทั้งที่เป็นส่วนของโรงงานและเครื่องจักรในการผลิต เพื่อรองรับวัตถุดิบจากชาวบ้าน โดยในส่วนของบริษัทจะมุ่งเน้นการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ควบคู่ไปกับการทำ OEM ซึ่งล่าสุด มีผู้ประกอบการที่มาว่าจ้างทำ OEM ให้แล้ว 3 บริษัท

“เป้าหมายของบริษัทในการดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดและขยายฐานลูกค้า ก็เพื่อต้องการรักษาระดับรายได้ในปี 2561 ไม่ให้ต่ำกว่า 10 ล้านบาท จากที่สามารถทำได้ในปี 2560 โดยบริษัทจะตั้งเป้าในการดำเนินธุรกิจ คือ จะต้องทำให้ได้ไม่ต่ำกว่าในปีที่ผ่านมา เป็นอันดับแรก จะไม่วางเป้าเป็นตัวเลขที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เป็นการกดดัน”


TP13-3322-1A

สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ ‘แมลงทอดอัดกระป๋อง’ หรือในรูปแบบ OEM ของบริษัทนั้น อยู่ที่เรื่องของวัตถุดิบที่มาจากประเทศไทย ซึ่งจะให้โปรตีนสูงกว่าวัตถุดิบที่นำเข้ามาจากประเทศจีน เนื่องจากกระบวนการนำไหมออกจากดักแด้ที่แตกต่างกัน โดยกระบวนการของประเทศจีนจะอบดักแด้ก่อนที่จะสาวไหมออก หลังจากนั้นจึงมาทำให้ดักแด้คืนตัวในรูปแบบเดิม แต่ของไทยจะเป็นรูปแบบของการสาวใหม่สด ซึ่งจะยังคงโปรตีนในตัวดักแด้ที่นำมาใช้ทอดได้อย่างครบถ้วน

นายพัทธพงษ์ กล่าวต่อไปอีกว่า รายได้หลักของธุรกิจมาจากการทำ OEM ส่วนผลิตภัณฑ์ของบริษัทภายใต้แบรนด์ ‘ภูฟาร์ม’ จะมุ่งเน้นการทำตลาดผ่านช่องทาง ทั้งเฟซบุ๊ก (Facebook), เว็บไซต์ของบริษัท และไลน์ (Line) เพื่อไม่ให้เป็นการแย่งตลาดกันเอง โดยกรรมวิธีของการผลิตดักแด้อัดกระป๋องนั้น คือ การนำตัวไหมไปแช่แข็งนาน 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นนำไปทอดในอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ให้เหลืองกรอบ แล้วทำให้ไม่มีน้ำมัน โดยการนำมาแผ่ออกก่อนนำเข้าตู้อบและอบด้วยความร้อน 80 องศาเซลเซียส นาน 1 ชั่วโมง จากนั้นนำมาปรุงรสด้วยรสชาติต่าง ๆ ก่อนจะนำไปบรรจุลงกระป๋อง ซึ่งจะสามารถเก็บรักษาได้ยาวนานถึง 4 เดือน

อย่างไรก็ดี นอกจากดักแด้แล้ว ผลิตภัณฑ์ของบริษัทยังมีแมลงชนิดอื่นอีก ได้แก่ จิ้งหรีด แมงสะดิ้ง ที่เป็นผลิตภัณฑ์หลัก โดยมีรสชาติให้เลือกอย่างหลากหลาย ประกอบด้วย รสต้มยำ, รสลาบ, รสชีส, รสบาร์บีคิว, รสเกลือ และรสโนริสาหร่าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นแมลงชนิดอื่นอีก ตามที่ลูกค้าต้องการ ไม่ว่าจะเป็นตั๊กแตนปาทังก้าและเขียด เป็นต้น


หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,322 วันที่ 14-16 ธ.ค. 2560 หน้า 13

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว