วิธีการแก้ปัญหาที่ดี คือ ‘ลงมือทำ’

16 ธ.ค. 2560 | 07:23 น.
ถือเป็นหนุ่มภูธรรุ่นใหม่ ไฟแรง แม้วิถีชีวิตจะเกิดและเติบโตที่จังหวัดอุดรธานี ความที่ได้คลุกคลีกับธุรกิจของครอบครัว ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถฮีโน่ ในประเทศไทย ทำให้ “บอสส์-ธีรวัฒน์ ทวีแสงสกุลไทย” กรรมการบริหาร บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล ฟู๊ด แอนด์ เบเวอเรจ โฮลดิ้ง จำกัด มาสเตอร์ แฟรนไชส์ร้านไก่ทอด “คารายามะ” จากประเทศญี่ปุ่น เลือกที่จะไปศึกษายังประเทศญี่ปุ่น

ซึ่งที่นี่ปลูกฝังแนวคิด การใช้ชีวิต กลายเป็นความผูกพัน และเมื่อเขาตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจของตนเอง “บอสส์” จึงเลือกธุรกิจของชาวญี่ปุ่นเป็นตัวนำ

MP26-3322-2A “บอสส์” เล่าให้ฟังว่า คุณพ่อ (นายสุระชัย ทวีแสงสกุลไทย อดีตประธานหอการค้าจังหวัดอุดรธานี) เป็นเหมือนไอดอลในการทำงาน และลูกทุกคนก็เลือกที่จะเดินบนเส้นทางนี้ เห็นได้จากพี่ชาย ที่เลือกไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา ส่วนน้องสาวก็เลือกไปอังกฤษ ตัวเขาเองจึงเลือกที่จะไปญี่ปุ่น แม้วันนั้นเขาจะพูดภาษาญี่ปุ่นได้น้อยมาก เท่ากับว่าไปเริ่มต้นที่ 0
แต่ด้วยระยะเวลาไม่นาน เขาก็เรียนรู้และซึมซับวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาได้เป็นอย่างดี วิถีชีวิตที่โน้นทำให้เขามีวินัย มีความพยายาม และทำให้รู้จักวางแผนชีวิต

“จริงๆ ผมเป็นคนชอบทำอาหาร ชอบทำกับข้าว อาจเพราะเป็นลูกแม่ ทำให้ชอบทำอะไรแบบที่แม่ทำ”
ไม่ใช่แค่เรื่องอาหารเท่านั้น เพราะคุณแม่เป็นผู้คุมบัญชี การเงินของธุรกิจครอบครัว ทำให้บอสส์ได้เรื่องของความละเอียดรอบคอบติดมาด้วย

ครอบครัวเราเป็นนักชิมตัวยง ผมไปมาแล้วเกือบทั่วโลก ที่ไหนอะไรอร่อย ไปหมด ไม่ว่าจะเป็นยุโรป เยอรมนี ฝรั่งเศส แอฟริกาใต้ หมู่เกาะต่างๆ เมื่อไปถึงอะไรอร่อยก็ต้องไปชิม รวมถึงประเทศญี่ปุ่น

ที่แม้เขาจะสำเร็จการศึกษามาหลายปี จนกลับมารับหน้าที่ดูแลด้านบริการหลังการขายรถฮีโน่ให้
กับครอบครัว แต่เขาและครอบครัวก็ยังเลือกที่จะไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นสมํ่าเสมอ

และที่นี่นี่เองที่ทำให้เขาได้พบกับ “คารายามะ” ร้านไก่ทอดต้นตำรับดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น ซึ่งเปิดให้บริการมานานกว่า 30 ปี และวันนี้เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวและผู้ที่ได้ลิ้มลอง

MP26-3322-1A “บอสส์” บอกว่า เขาไม่ได้เป็นแค่นักชิม เพราะถ้าเป็นนักชิมก็อาจจะชิมแล้วผ่านไป แต่เขามองเห็นโอกาส วันนี้เขาจึงก้าวเข้ามาเป็น “นักธุรกิจ” เขาตัดสินใจ เขียนจดหมายส่งไปยังเจ้าของเพื่อติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์มาเปิดให้บริการในเมืองไทย

เพราะความได้เปรียบด้านภาษา และความคุ้นเคยในวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่น ทำให้เขาได้รับการยอมรับและตอบรับร่วมเป็นพันธมิตรภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว แม้จะมีผู้สนใจติดต่อเข้าไปหลายราย แต่ก็ถูกปฏิเสธกลับมาหมด ความสำเร็จเบื้องต้นทำให้เส้นทางการก้าวเดินบนโลกธุรกิจของเราฉายแสงที่ดี

“บอสส์” ต้องกลับไปใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไปในอีกบทบาทและไม่ได้ไปคนเดียว เขาไปพร้อมน้องสาว “อู้ - ปิยวัลย์ ทวีแสงสกุลไทย” โดย 2 พี่น้อง ในฐานะเจ้าของบริษัทรุ่นใหม่ไฟแรง ต้องไปศึกษาและเรียนรู้วิธีการทำอย่างไรให้ “ไก่ทอด” อร่อย บริหารจัดการร้านอย่างไรให้ “ดูดี” โนว์ฮาวต่างๆ เหล่านี้ถูกถ่ายทอดแบบเต็มที่ ตลอด 1 เดือนเต็ม

“ญี่ปุ่นก็คือญี่ปุ่น ทุกรายละเอียด ทุกสิ่ง ทุกอย่างต้องมีกฎ มีกติกา มีข้อกำหนด ถ้าบอกว่า กระหลํ่าปลีต้องหนัก 60 กรัมและสูง 8 ซม. ทุกอย่างต้องทำให้ได้ตามที่กำหนด และรวดเร็ว เพราะรู้ว่ามีลูกค้ารอคอยอยู่ อย่างใจจดใจจ่อที่จะได้ลิ้มชิมรสอาหารของเรา สิ่งที่เขาใช้สอนตัวเอง คือ ทำให้ไว และแก้ปัญหาโดยทำให้เยอะขึ้น”

ที่ญี่ปุ่นเราต้องทำทุกอย่าง ไม่ใช่ในฐานะผู้บริหารหรือเป็นเจ้าของกิจการ เราต้องเข้าครัว ต้องล้างพื้น ต้องทำความสะอาด เก็บกวาดทุกอย่างเช่นเดียวกับพนักงานคนหนึ่ง เราไม่ได้แค่เรียนรู้กรรมวิธีทำ แต่เราเรียนรู้วิธีการใช้ชีวิต ซึ่งเป็นหนึ่งในบทเรียนเมื่อต้องก้าวเข้าสู่สนามธุรกิจ

วันนี้ “บอสส์” พร้อมเปิดให้บริการร้านคารายามะ สาขาแรกในเดือนธันวาคมนี้ ที่เซ็นทรัล พระราม 3 ความท้าทายรออยู่ข้างหน้า พร้อมกับบทบันทึกที่จะสร้างประสบการณ์ให้เขาก้าวเดินต่อไปในโลกธุรกิจนี้...

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,322 วันที่ 14 - 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว