ฟอร์ดทุ่ม 6 พันล้าน พัฒนารถไร้คนขับ

16 ธ.ค. 2560 | 06:47 น.
แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะยํ้าหนักๆให้บริษัทอเมริกันลงทุนและจ้างงานภายในประเทศสนองนโยบาย America First แต่ผู้ประกอบการเองก็จำเป็นต้องคำนึงถึงความเหมาะสมทางธุรกิจและความคุ้มค่าการลงทุน ดังนั้นช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ฟอร์ด ผู้ผลิตรถยนต์ราย ใหญ่ของสหรัฐฯ จึงตัดสินใจย้ายการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่เคยผลิตในรัฐมิชิแกนไปยังโรงงานที่เม็กซิโก

แต่นั่นก็เป็นการเคลื่อนย้ายการผลิตเพื่อโครงการที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันในสหรัฐอเมริกาเอง เพราะผู้บริหารของฟอร์ดประกาศชัดว่า การโยกย้ายการผลิตรถไฟฟ้าไปยังเม็กซิโก ก็เพื่อเคลียร์พื้นที่และกำลังการผลิตของโรงงานในเมืองแฟลตร็อก มลรัฐมิชิแกน ให้พร้อมสำหรับการวิจัยและพัฒนารถยนต์แห่งอนาคตที่จะขับเคลื่อนด้วยระบบอัตโนมัติไร้คนขับ ซึ่งในปัจจุบัน เรียกว่าโครงการ AV center of Excellence นั่นหมายถึง การลงทุนเพิ่ม 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 6,600 ล้านบาท เพื่อเนรมิตฝันนี้ให้เป็นจริง และทรัมป์ก็น่าจะพึงพอใจที่โครงการใหม่ของฟอร์ดจะช่วยสร้างการจ้างงานราว 150 ตำแหน่ง

TP10-3322-B นักวิเคราะห์ระบุว่า การเคลื่อนไหวของฟอร์ดครั้งนี้มาถูกทิศทางแล้ว เพราะโรงงานใหญ่ที่แฟลต ร็อกจะสามารถมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนารถยนต์แห่งอนาคตแบบไร้คนขับที่ฟอร์ด หมายมั่นปั้นมือไว้นานแล้วและค่อนข้างจะตามหลังคู่แข่งอย่างเจนเนอรัล มอ
เตอร์ส (จีเอ็ม) อยู่มาก ขณะที่ยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่สามารถวิ่งระยะทางไกล (ระยะ 300 ไมล์ หรือกว่า 480 กิโลเมตร) ฟอร์ดก็โยกไปผลิตในแหล่งผลิตต้นทุนตํ่ากว่า เช่นที่เม็กซิโกและจีน เพื่อสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ ฟอร์ดจะเริ่มการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งจะเป็นรถครอสโอเวอร์ (อเนกประสงค์) ที่โรงงานในเม็กซิโกราวกลางปี 2563 ส่วนโครงการพัฒนารถขับเคลื่อนอัตโนมัตินั้น รายงานข่าวระบุว่า ฟอร์ดจะพัฒนาต่อยอดโดยใช้บอดี้หรือตัวถังรถรุ่นลินคอล์น คอนติเนนตัล และตั้ง
เป้าไว้ว่าภายในปี 2564 จะสามารถผลิตรถยนต์ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติออกมาได้มากเพียงพอในเชิงพาณิชย์ โดยฟอร์ดมองช่องทางการตลาดไว้ว่ารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเหล่านี้สามารถนำไปใช้เป็นรถแท็กซี่ รถตำรวจ รถส่งสินค้า และรถให้บริการแบ่งกันใช้ (ride-sharing services)

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,322 วันที่ 14 - 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว