ปีใหม่’61: คาดคนกรุงฯ ใช้จ่ายกว่า 29,600 ล้านบาท ธุรกิจค้าปลีกกับบทบาทที่ต้องเป็นมากกว่าแหล่งวางขายสินค้า
ประเด็นสำคัญ
• ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เม็ดเงินใช้จ่ายของคนกรุงฯ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 จะอยู่ที่ 29,600 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4.0 เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้ว่ามาตรการช็อปช่วยชาติในปีนี้จะออกมาเร็วกว่าปีก่อนๆ แต่ผู้ประกอบการก็มีการกระตุ้นการขายต่อเนื่องไปตลอดทั้งช่วงเทศกาล อย่างไรก็ดี กำลังซื้อของผู้บริโภคในภาพรวมยังถูกกดดันด้วยหนี้ครัวเรือนและค่าครองชีพที่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงความกังวลกับกำลังซื้อในอนาคต ทำให้การวางแผนใช้จ่ายของผู้บริโภคยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้มีฐานรายได้ต่อเดือนไม่สูงมาก
• คนกรุงฯ ร้อยละ 75 เลือกจับจ่ายใช้สอยสินค้าและบริการจากร้านค้าปลีกที่มีหน้าร้าน (Offline) นำโดยห้างสรรพสินค้า ซึ่งเหตุผลหลักที่คนกรุงฯ ยังชื่นชอบมาเดินห้าง เพราะต้องการเลือกซื้อสินค้าและสัมผัสของจริง รองลงมาคือ เดินเล่นและร่วมกิจกรรมที่ถูกจัดขึ้น ตามลำดับ ดังนั้น กลุ่มนี้จึงเป็นลูกค้าที่ผู้ประกอบการควรเข้าไปทำตลาดและกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด ส่วนกลยุทธ์การตลาดที่คาดว่าจะสามารถดึงความสนใจผู้บริโภคได้ น่าจะเป็นการชูเรื่องความคุ้มค่าคุ้มราคา เพราะการจับจ่ายเลือกซื้อสินค้า โดยเฉพาะของขวัญของฝากในปีนี้ ยังเน้นไปที่สินค้าที่หาซื้อง่าย สามารถสื่อแสดงถึงน้ำใจ ภายใต้งบประมาณที่ไม่สูงนัก
• ในมุมมองคนกรุงฯ หากต้องเลือกแหล่งช็อปปิ้งในช่วงปีใหม่ สิ่งแรกที่คำนึงถึงคือ ความหลากหลายของร้านค้าที่มีให้บริการ ตามมาด้วยที่จอดรถเพียงพอ/รอจอดไม่นาน และมีบริการก่อนและหลังการขายที่ดี ดังนั้น รูปแบบการให้บริการที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนกรุงฯ ได้อย่างตรงจุด และการทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่า หรือเป็นคนพิเศษเมื่อเลือกใช้บริการ น่าจะช่วยให้ผู้บริโภคเกิดการตัดสินใจเลือกใช้บริการกับทางร้านได้เร็วขึ้น
•ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เม็ดเงินใช้จ่ายของคนกรุงฯ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 จะอยู่ที่ 29,600 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4.0 เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้ว่ามาตรการช็อปช่วยชาติในปีนี้จะออกมาเร็วกว่าปีก่อนๆ แต่ผู้ประกอบการก็มีการกระตุ้นการขายต่อเนื่องไปตลอดทั้งช่วงเทศกาล อย่างไรก็ดี กำลังซื้อของผู้บริโภคในภาพรวมยังถูกกดดันด้วยหนี้ครัวเรือนและค่าครองชีพที่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงความกังวลกับกำลังซื้อในอนาคต ทำให้การวางแผนใช้จ่ายของผู้บริโภคยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้มีฐานรายได้ต่อเดือนไม่สูงมาก
โดยเม็ดเงินใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561
แยกเป็นค่าใช้จ่ายอาหารและเครื่องดื่ม 9,000 ล้านบาท รองลงมาคือ ท่องเที่ยวในประเทศ (เฉพาะค่าที่พักและค่าเดินทาง) 8,200 ล้านบาท ซื้อของขวัญ/ของฝาก (ทั้งมอบให้ตัวเองและผู้อื่น) 8,100 ล้านบาท การให้เงินพ่อแม่/พี่น้องเป็นของขวัญปีใหม่ 2,000 ล้านบาท และทำบุญ/ไหว้พระ 1,600 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆ (อาทิ ดูหนัง ฟังเพลง) 700 ล้านบาท ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ได้แก่ ค่าซื้อของขวัญ/ของฝาก และท่องเที่ยวในประเทศ (เฉพาะค่าที่พักและค่าเดินทาง)
ในขณะที่งบประมาณใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 5,400 บาท
•คนกรุงฯ ร้อยละ 75 เลือกจับจ่ายใช้สอยสินค้าและบริการจากร้านค้าปลีกที่มีหน้าร้าน (Offline) นำโดยห้างสรรพสินค้า ตามมาด้วยดิสเคาน์สโตร์และร้านขายของฝากทั่วไป ชี้ให้เห็นว่า ร้านค้าปลีกที่มีหน้าร้านยังตอบสนองไลฟ์สไตล์ในการจับจ่ายคนกรุงฯ ได้เป็นอย่างดี เพราะมีสินค้าและบริการให้เลือกครบครันและครอบคลุมความต้องการของคนทุกเพศทุกวัย อย่างไรก็ดี กระแสช็อปปิ้งออนไลน์ (คนกรุงฯ ร้อยละ 25 เลือกใช้จ่ายผ่านช่องทางนี้) ก็ถือว่ามาแรงไม่น้อยเช่นกัน เพราะจากการสอบถามกลุ่มตัวอย่างพบว่า ผู้บริโภคมีแนวโน้มหันมาจับจ่ายผ่านช่องทางนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น-วัยทำงาน ซึ่งการสั่งซื้อที่ได้ความนิยมสูงคือ การสั่งซื้อผ่านช่องทาง Social Commerce อาทิ Facebook/ Instagram/ Line เพราะมีการเข้าถึงอยู่เป็นประจำ
อนึ่ง การเลือกซื้อของขวัญของฝาก ถือเป็นหนึ่งกิจกรรมที่คนกรุงฯ นิยมทำในช่วงปีใหม่ ซึ่งในปีนี้มุ่งเน้นไปที่สินค้าที่หาซื้อง่าย สามารถสื่อแสดงถึงน้ำใจ ภายใต้งบประมาณที่ไม่สูงนัก อาทิ สินค้าในกลุ่มแฟชั่น กระเช้าของขวัญ สินค้ากิ๊ฟช็อปและเครื่องสำอาง เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้าที่หาซื้อได้ง่าย และสามารถกำหนดงบประมาณได้ เพราะแม้จะถูกกดดันจากกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน แต่การมอบของขวัญของฝากในช่วงเทศกาลปีใหม่ ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นในแง่ของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
•เทศกาลปีใหม่ 2561 คาดคนกรุงฯ ยังเดินและทำกิจกรรมในห้างสรรพสินค้า ... ไม่ว่าจะเป็นการนัดเลี้ยงสังสรรค์/ กินข้าวกับครอบครัวและเพื่อนฝูง ช็อปปิ้งเลือกซื้อสินค้าของขวัญ/ของฝาก ดูหนัง/ ฟังเพลง ฯลฯ ทั้งนี้ จุดขายสำคัญของห้างสรรพสินค้าที่ดึงดูดใจให้คนเข้ามาใช้บริการก็คือ การสร้างบรรยากาศและประสบการณ์ในการช็อปปิ้งใหม่ๆ ให้ผู้บริโภคเข้ามาสัมผัส จึงไม่น่าแปลกใจที่ผลการสำรวจจะพบว่า คนกรุงฯ กว่าร้อยละ 37 ที่สนใจเข้ามาเดินเลือกซื้อสินค้าผ่านหน้าร้าน เพราะต้องการสัมผัสสินค้าจริง ทดลองชิม/ ใช้ และสามารถซื้อได้ทันทีหากถูกใจ รองลงมาคือ เข้ามาเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ (ร้อยละ 19) และร่วมกิจกรรมหรืออีเว้นท์ที่จัดขึ้น (ร้อยละ 19)
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องตระหนักคือ ทำอย่างไรถึงจะกระตุ้นให้ลูกค้าที่เข้ามาทำกิจกรรมดังกล่าว เกิดการใช้จ่ายเลือกซื้อสินค้าหรือบริการภายในห้างสรรพสินค้าตามไปด้วย เมื่อวิเคราะห์ถึงโอกาสทางการตลาดพบว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายและกลยุทธ์ทางการตลาดที่คาดว่าน่าจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ คือ
กลุ่มลูกค้าที่ควรเข้าไปทำตลาด ได้แก่ 1) กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการต่างๆ หรือเดินเล่นภายในร้าน แต่ยังไม่ได้วางแผนซื้อสินค้ามาก่อน และ 2) กลุ่มที่มีการวางแผนจะเข้ามาใช้บริการเพื่อนัดพบปะสังสรรค์ เพราะเป็นกลุ่มที่คาดว่าจะเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก นอกจากนี้ จากผลการสำรวจยังพบประเด็นที่น่าสนใจก็คือ กว่าร้อยละ 64 ของคนกรุงฯ เคยซื้อสินค้าและบริการที่ออกมาในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยไม่ตั้งใจหรือไม่ได้วางแผนมาก่อน โดยเฉพาะกับสินค้าที่อยู่ในรูปแบบ Limited Edition (ร้อยละ 29) รูปลักษณ์แปลกใหม่ (ร้อยละ 27) และอยากทดลองสินค้าใหม่ (ร้อยละ 19)
กลยุทธ์ที่ชูให้เห็นถึงความคุ้มค่าคุ้มราคา สะท้อนจากผลสำรวจที่ระบุว่า กว่าร้อยละ 23 ของกลุ่มตัวอย่าง ตัดสินใจซื้อสินค้าจากกลยุทธ์ลดแลกแจกแถม (อาทิ ลดราคา กระตุ้นให้ซื้อมากขึ้นเพื่อรับของสมนาคุณ เป็นต้น) รองลงมาคือ การทำโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิต (ร้อยละ 17) และการจัดอีเว้นท์ร่วมสนุกและลุ้นของรางวัล (ร้อยละ 17) ตามลำดับ
นอกจากนี้
รูปแบบการให้บริการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนกรุงฯ ได้อย่างตรงจุด ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่มีส่วนต่อการตัดสินใจเลือกแหล่งช็อปปิ้งได้เร็วขึ้น อาทิ เพิ่มบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่อการมาช็อปปิ้ง (พื้นที่กิจกรรม/มุมพักผ่อน Free-WiFi ขยายเวลาเปิดให้บริการในบางส่วน) การเชื่อมโยงข้อมูลของทางร้านค้ากับแอพพลิเคชั่นต่างๆ (แจ้งสิทธิประโยชน์/โปรโมชั่น เช็คสถานะของที่จอดรถ แจ้งรายชื่อร้านค้าที่มีให้บริการ รวมถึงอีเว้นท์ที่จัดขึ้น) การทำให้ลูกค้าเห็นถึงความคุ้มค่า หรือเป็นคนพิเศษเมื่อเลือกใช้บริการกับทางร้านค้า เช่น เช็คอินสถานที่แล้วได้รับส่วนลดในการซื้อสินค้าภายในร้านค้า หรือเมื่อใช้บริการร้านค้าหนึ่งแล้วได้รับสิทธิประโยชน์จากอีกหนึ่งร้านค้าในรูปแบบ Co-Partner เป็นต้น เพราะจากการสำรวจพบว่า สิ่งที่คนกรุงฯ ให้ความสำคัญมากที่สุด หากต้องเลือกสถานที่ช็อปปิ้ง คือ ความหลากหลายของร้านค้าที่มีให้บริการ (ร้อยละ 24) รองลงมาคือ มีที่จอดรถที่เพียงพอหรือรอจอดไม่นาน (ร้อยละ 19) และมีบริการก่อนและหลังการขายที่ดี (ร้อยละ 12) ตามลำดับ
โดยสรุป เทศกาลปีใหม่ถือเป็นไฮไลท์การทำตลาดที่สำคัญงานหนึ่งของปี ที่ทุกธุรกิจหวังจะใช้โอกาสนี้เพิ่มยอดขาย แต่ในยุคที่ร้านค้าปลีกที่มีหน้าร้านอย่าง ห้างสรรพสินค้า เริ่มประสบปัญหาในเรื่องของยอดขายและจำนวนลูกค้าที่ลดลง จากพฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มปรับเปลี่ยนวิถีการใช้จ่าย และมีทางเลือกหลากหลายในการเลือกซื้อสินค้าและบริการมากขึ้น
การสร้างประสบการณ์ที่ดีในการช็อปปิ้งให้เกิดกับผู้บริโภค เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่คาดว่าจะช่วยดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการ รักษาฐานลูกค้าที่มีอยู่ ตลอดจนเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการได้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะเจาะกำลังซื้อในช่วงเทศกาลปีใหม่เท่านั้น ยังครอบคลุมไปถึงเทศกาลสำคัญอื่นๆ ที่ผู้บริโภคจะออกมาจับจ่ายใช้สอยมากกว่าปกติ อาทิ ตรุษจีน สงกรานต์ เปิดเทอม หรือกินเจ เป็นต้น