เทคโนโลยี ‘ดาวรุ่ง-ดาวร่วง’ ปีแพะ

02 ม.ค. 2559 | 11:00 น.
ปี 2558 ที่ผ่านมาแพลตฟอร์มหลักของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาก โดยการใช้งานอุปกรณ์ส่วนบุคคลของผู้บริโภค ทั้งการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ช็อปปิ้งออนไลน์ และใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือ โซเชียลมีเดีย ยังยึดอยู่ที่ 3 หน้าจอหลักเช่นเดิม คือ 1.คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ทั้งเครื่องตั้งโต๊ะ หรือ เดสก์ท็อป และโน้ตบุ๊ก , 2. แท็บเล็ต และ 3.สมาร์ทโฟน

อย่างไรก็ตามปีนี้ด้วยพฤติกรรมและประสบการณ์การใช้งานผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ "แท็บเล็ต" ที่เคยเป็นอุปกรณ์ดาวรุ่งปีที่ผ่านมา กระแสความนิยมลดวูบอย่างเห็นได้ชัด ยอดที่เคยแตะปีละ 3 ล้านเครื่อง หล่นหายไปมากกว่าครึ่ง ผู้ค้าบางรายระบุว่าเคยมียอดขายเดือนละ 1 แสนเครื่อง วันนี้ขายได้เดือนละ 5 พันเครื่องก็หืดจับแล้ว

โดยสาเหตุหลักที่ทำให้อุปกรณ์ดังกล่าวกระแสความนิยมลดลงอย่างรวดเร็วหลักๆ มาจาก ประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ที่คาดหวังว่าอุปกรณ์ดังกล่าวจะรองรับการใช้งานแบบ Work and Play คือ ใช้เพื่อการทำงาน และการใช้งานเพื่อความบันเทิง แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วแท็บเลต เป็นได้เพียงอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อความบันเทิงเท่านั้น เพราะด้วยคุณสมบัติการทำงานของเครื่องที่ออกแบบมาให้กะทัดรัด พกพาง่าย ไม่มีแป้นพิมพ์ ทำให้อุปกรณ์ดังกล่าวไม่สามารถทำงานทดแทนโน้ตบุ๊กตามที่ผู้ใช้คาดหวังได้ อีกทั้งในปี 2558 ที่ผ่านมายังไม่มีโครงการแท็บเลตนักเรียน ป.1 และ ม.1 ที่ถูกยกเลิกโครงการจัดซื้อไปมาช่วยโหนกระแส ขณะเดียวกันแท็บเลต ยังถูกสมาร์ทโฟน หน้าจอให้ใหญ่ มีให้เลือกทั้งจอ 5 นิ้ว, 5.5 นิ้ว และ 6 นิ้ว ที่เป็นเทรนด์ตลาดในช่วงปีที่ผ่านมาเข้ามาช่วงชิงตลาดไป

ส่วนสินค้าที่มองว่ากลับมาเป็นดาวรุ่งอีกครั้ง คือ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล โดยเฉพาะเดสก์ท็อปสำหรับกลุ่มผู้เล่นเกม แม้ว่ายอดขายในแง่ปริมาณไม่สูงเหมือนในอดีต แต่ผู้ผลิตก็แฮปปี้มมากขึ้นในแง่ของรายได้ เพราะราคาเฉลี่ยของคอมพิวเตอร์สำหรับกลุ่มผู้เล่นเกมนั้นอยู่ที่ประมาณ 3-4 หมื่นบาท ขณะที่คอมพิวเตอร์ทั่วไป ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5-2 หมื่นบาท

เช่นเดียวกันโน้ตบุ๊กที่ชะลอตัวไปในปี 2557 มากกว่า 20-30% แต่ในปี 2558 ยอดขายกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ส่วนหนึ่งได้อานิสงส์ จากการขยายตลาดเข้าไปยังกลุ่มผู้เล่นเกม โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาวิศวะ ที่ต้องการอุปกรณ์ที่รองรับการใช้งานเพื่อการเรียน และการเล่นเกม ซึ่งตลาดดังกล่าวทำให้ยอดขายในแง่มูลค่าของตลาดโน้ตบุ๊ก ขยับขึ้นไปอีก โดยโน้ตบุ๊กสำหรับกลุ่มผู้เล่นเกมก็มีราคาเฉลี่ย ประมาณ 3-4 หมื่นบาทขึ้นไปเช่นเดียวกัน ขณะที่โน้ตบุ๊กทั่วไปราคาเฉลี่ยอยู่ประมาณ 2 หมื่นบาท

สำหรับตลาดสมาร์ทโฟน ปีนี้ตลาดค่อนข้างทรงตัว โดยสมาร์ทโฟน ระดับกลางที่ผู้ผลิตและผู้ค้าต่างคาดหวังจะผลักดันยอดเพื่อดันตลาดให้เติบโตนั้นไม่เป็นไปตามคาด อย่างไรก็ตามครึ่งปีหลังตลาดสมาร์ทโฟน ได้แฟล็กชิป โมเดล รุ่นที่เป็นไฮเอ็นด์ ทั้งซัมซุง โน้ต 5 และ กาแลคซี่ เอส 6 พลัส รวมไปถึง ไอเอส 6 เอส และ ไอโฟน 6 เอส พลัส มาช่วยพยุงไม่ให้มูลค่าตลาดลดลงไป

ขณะที่ตลาดสมาร์ทดีไวซ์ อย่างนาฬิกา อัจฉิรยะ หรือ สมาร์ทวอตช์ นั้นเข้ามาเป็นสีสัน ในฐานะของเล่นใหม่ของผู้ชื่นชอบเทคโนโลยีเท่านั้น ยังไม่สามารถครองใจผู้บริโภคในระดับมวลชนได้ นั่นอาจเป็นเพราะผู้บริโภคยังไม่เห็นประโยชน์ที่ชัดเจนจากการใช้งาน รวมถึงราคายังค่อนข้างสูง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,118
วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558 - 2 มกราคม พ.ศ. 2559