สงครามเบียร์เดือด! ‘สิงห์’ส่ง2แบรนด์ทุบช้าง ไทยเบฟยันไม่มีเบียร์หงส์

10 ธ.ค. 2560 | 11:18 น.
สงครามเบียร์สุดเดือด “บุญรอด” ขยับทัพรีโพสิชันนิง โยกสิงห์สู่ตลาดพรีเมียมชนไฮเนเก้น พร้อมส่ง 2 แบรนด์ตอดแชร์นักดื่มหน้าใหม่ตัดหน้า “ช้าง” ปลุกตลาดเบียร์ 1.8 แสนล้านระอุ ด้าน “ไทยเบฟ” ยืนยันไม่มีแผนปั้นแบรนด์เบียร์หงส์

แม้ภาพรวมตลาดเบียร์เมืองไทยจะยังคงทรงตัวอยู่ จากสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัว แต่ทว่าดีกรีการแข่งขันกลับคึกคักและส่งสัญญาณว่าปีหน้าจะดุเดือด ร้อนแรง เมื่อ 2 บิ๊กอย่าง “สิงห์-ช้าง” ต่างพาเหรดส่งแบรนด์น้องใหม่ออกมาหํ้าหั่น ชิงยอดขายจากนักดื่ม โดยเฉพาะในตลาดเบียร์เมนสตรีมที่วันนี้เป็นเซ็กเมนต์ใหญ่สุด ด้วยสัดส่วน 95% จากตลาดเบียร์ที่มีมูลค่ารวม สูงถึง 1.8 แสนล้านบาท การช่วงชิงตลาดจึงเป็นเหมือนศึกแห่งศักดิ์ศรี ล่าสุดการเตรียมแผนซุ่มส่งแบรนด์ “หงส์” เข้าสู่ตลาดโดยค่ายช้าง จึงถูกจับตามองเป็นพิเศษว่าจะสร้างประวัติศาสตร์ ชิงยอดขายจากลีโอ เฉกเช่นเดียวกับที่ “ช้าง” เคยทำมาได้หรือไม่

แบนเนอร์รายการฐานยานยนต์-2 การซุ่มแผนเตรียมลอนช์ “หงส์” ลงสู่ตลาดเบียร์ของค่ายไทยเบฟเวอเรจ หรือเบียร์ช้าง อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่เท่าใดนัก เพราะก่อนหน้านี้ค่ายบุญรอด บริวเวอรี่ หรือเบียร์สิงห์ ก็ปล่อย 2 แบรนด์ใหม่ออกมาทำตลาด ไม่ว่าจะเป็น “ยูเบียร์” หรือล่าสุด “สโนวี่ ไวเซ่น” คราฟต์เบียร์โดยนายธิตินันท์ ชุ่มภาณี ผู้จัดการฝ่ายการตลาดแบรนด์เบียร์สิงห์ บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่าน ทางบริษัทได้มีการปรับโพสิชันนิงของแบรนด์ในเครือให้ชัดเจน เนื่องจากมีหลายแบรนด์จึงมีการจัดพอร์ตสินค้ากันว่าหน้าที่ของแต่ละแบรนด์คืออะไร ไม่ว่าจะเป็น สิงห์ ลีโอ ยูเบียร์รวมถึงสโนวี่ แบรนด์น้องใหม่ จัดเซ็กเมนต์ของแต่ละแบรนด์ให้ชัดเจนขึ้น เพื่อให้สามารถกำหนดทิศทางการทำตลาดของแต่ละแบรนด์ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

เริ่มจากเบียร์สิงห์ ที่มีโพสิชันนิง Thai Premium Beer ภาพลักษณ์ของแบรนด์คือความหนุ่มขึ้น ทันสมัยขึ้น ปรับพอร์ตจาก เดิมอยู่ในตลาดเบียร์แมสหรือเมนสตรีม มาเป็นเบียร์พรีเมียม และพบว่ากลุ่มลูกค้าที่เดิมเป้าหมายหลักเป็นผู้บริโภคอายุ 30 ปีขึ้นไป หลังจากวางตำแหน่งแบรนด์ชัดเจน มีสีสันใหม่ออกสู่ตลาดเช่น ไอซ์แพ็ก หรือแพ็ก ที่ออกมาเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ที่มีอายุ 25 ปีเข้ามามากขึ้น ขณะที่แบรนด์ลีโอและยูเบียร์โฟกัสชัดเจนในตลาดเมนสตรีม โดยเน้น คาแรกเตอร์ของแบรนด์คือความสนุกสนาน เพื่อครองความเป็นผู้นำในตลาดเบียร์อย่างต่อเนื่อง

MP36-3321-A “แน่นอนว่าตลาดเบียร์เมนสตรีมส่วนใหญ่จะเน้นแข่งขันกันที่ราคาเป็นหลัก โดยช่วงที่ผ่านมามีการปรับราคาขึ้นตามฐานภาษีใหม่ เฉลี่ยกระป๋องละ 1-2 บาท ซึ่งในกลุ่มเบียร์อย่างลีโอและช้างฐานราคาดังกล่าวยอมรับว่ายังไม่นิ่ง และอาจจะมีการปรับขึ้นหรือลงเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้จากฐานภาษีใหม่ แต่อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าแม้จะมีการปรับขึ้นราคาในตลาดดังกล่าว จะไม่มีการกระทบต่อภาพรวมตลาดในระยะยาวแต่อย่างใด จะกระทบเพียงช่วงสั้นๆ 3 เดือนเท่านั้น หลังจากนั้นผู้บริโภคก็จะสามารถปรับตัวได้”

นอกจากนี้ในส่วนของตลาดต่างประเทศหลังจากที่กลุ่มของเบียร์สิงห์ได้เข้าไปทำตลาดและประสบความสำเร็จมาแล้วโดยประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในอังกฤษ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ผ่านช่องทางร้านอาหารไทย โมเดิร์นเทรด และเทศกาล Food Fest เป็นต้น ขณะเดียวกันยังพร้อมนำแบรนด์น้องในพอร์ตอย่างลีโอออกไปบุกตลาดต่างประเทศเป็นครั้งแรกในปีนี้ ทั้งในสวีเดน ออสเตรเลีย ไต้หวัน และจะขยายไปยังประเทศ อื่นๆ ต่อเนื่องพร้อมๆ กับแบรนด์สิงห์ภายใต้กลยุทธ์ทางการตลาดในแบบเดียวกัน ซึ่งมั่นใจว่าลีโอในระดับโลกจะสามารถสร้างความสำเร็จให้แก่บริษัทได้ไม่แพ้สิงห์

ดังนั้นหากเบียร์หงส์ของค่ายช้าง จะเข้าสู่ตลาดจริง เป้าหมายจึงควรไปอยู่ที่ตลาดเมนสตรีม เพราะในตลาดดังกล่าว คู่แข่งสำคัญอย่างบุญรอด ก็มีทั้งลีโอ และสิงห์ และหากสิงห์ขยับปรับพอร์ตโยกไปอยู่ในตลาดพรีเมียม ก็ย่อมมีช่องว่างให้แทรกตัวเข้าได้ เพราะเบียร์ช้างเองหลังปรับสูตร ปรับรสชาติ รวมถึงแผนการตลาด ก็มุ่งเป้าหมายที่จะก้าวสู่ตลาดเบียร์พรีเมียมแมสเช่นกัน

อย่างไรก็ดี เรื่องของราคายังเป็นปัจจัยสำคัญในการทำตลาดเบียร์ โดยเฉพาะในตลาดแมส ซึ่งล่าสุดพบว่า สิงห์ไลท์, ลีโอ, ยูเบียร์ และช้างนั้น มีราคาขายที่ใกล้เคียงกัน โดยสิงห์ แบบกระป๋อง 320 มล.ราคา 42 บาท,สิงห์ไลท์ แบบกระป๋อง 320 มล.ราคา 34 บาท, ลีโอ แบบกระป๋อง 490 มล. ราคา 52 บาท, ยูเบียร์ แบบกระป๋อง 490 มล.ราคา 50 บาท,เชียร์ แบบกระป๋อง 490 มล. ราคา 48 บาท และช้าง แบบกระป๋อง 490 มล.ราคา 50 บาท ทำให้ราคาของแต่ละแบรนด์เมื่อเทียบกันแล้วอยู่ใกล้เคียงกันมาก

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6 ค่ายสิงห์นั้นย่อมมีความได้เปรียบในตลาดมากกว่า เนื่อง จากในพอร์ตนั้นมีถึง 3 แบรนด์หลักอย่างสิงห์ ลีโอ และยูเบียร์จำหน่ายอยู่ทำให้ทางช้างต้องหันมาปรับสูตร และเปิดแบรนด์น้องใหม่เข้ามาสู้ศึกเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดที่มีโอกาสให้เลือกมากขึ้น

โดยการเข้ามาของเบียร์ “หงส์” ถือเป็นอีกหนึ่งพอร์ตสินค้าของทางช้างที่ใช้ในการชิงยอดขายรองจากแบรนด์หลัก ต่อจาก “อาชา” ที่เน้นจับตลาดอีโคโนมี และ “เฟเดอร์บรอย” เบียร์นำเข้าที่เน้นเจาะตลาดพรีเมียม ประกอบกับ พ.ร.บ. สรรพสามิตฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ ทำให้ผู้ผลิตเบียร์ต่างมีการปรับราคาขึ้น โดยเฉพาะเซ็กเมนต์ของเบียร์เมนสตรีมทำให้แบรนด์ต้องปรับตัวรองรับ

ล่าสุด แหล่งข่าวจากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวยืนยันกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ไทยเบฟยังไม่มีแผน เปิดตัวเบียร์ใหม่ออกวางจำหน่าย ตามที่ได้เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ โดยในพอร์ตของไทยเบฟ ไม่มีเบียร์หงส์ ขณะที่ในกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีการเปิดตัวแบรนด์ ล่าสุดได้แก่ สุราขาวรวงข้าว ซิล เวอร์ ซึ่งมีแผนจะวางจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศด้วย

สำหรับตลาดเบียร์มูลค่ากว่า 1.8 แสนล้านบาทของเมืองไทยประกอบไปด้วย 3 ตลาดหลักคือ 1.ตลาดเบียร์เมนสตรีม ได้แก่ ลีโอ ช้าง ยูเบียร์ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและเน้นแข่งขันด้านราคา มีสัดส่วน 80% 2.ตลาดเบียร์พรีเมียม ได้แก่ ไฮเนเก้น สิงห์ สัดส่วนเกือบ 20% และ 3. ตลาดคราฟต์เบียร์ และกลุ่มเบียร์นำเข้าในระดับซูเปอร์พรีเมียมที่มีราคาตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป สัดส่วนไม่ถึง 1% แต่ทว่ามีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วมาก

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,321 วันที่ 10 - 13 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว