‘โมเบลลา’แตกไลน์ ขยายตลาดออนไลน์ดันยอดโต100ล้าน
การรักษาตัวตนคือสิ่งสำคัญ ไม่จำเป็นต้องไหลไปตามกระแสเมื่อเจอกับปัญหาที่เข้ามา แต่ให้มุ่งมั่นตั้งใจอยู่กับแบรนด์ที่ตั้งใจปลุกปั้นขึ้นมาว่าเป็นมาอย่างไร และพยายามหาช่องทางให้ผู้อื่นเข้าใจและรับรู้ พร้อมกับนำเสนอสิ่งใหม่ๆทั้งรูปแบบของผลิต ภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพราะเชื่อมั่นว่าเมื่อวันหนึ่งลูกค้าเข้าใจความเป็นตัวตนก็จะกลับมาเป็นลูกค้าเหมือนเดิม และสามารถเกิดความผูกพันอย่างยั่งยืนต่อแบรนด์ได้ นี่คือกุญแจที่ไขไปสู่ความสำเร็จของ อนุพล อยู่ยืน ผู้อำนวยการการออกแบบบริษัทโมเบลลา แกลเลอเรีย จำกัดผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ “โมเบลลา” (Mobella)
[caption id="attachment_240126" align="aligncenter" width="503"]
อนุพล อยู่ยืน ผู้อำนวยการการออกแบบบริษัทโมเบลลา แกลเลอเรีย จำกัด[/caption]
++บอกความเป็นไทยและเอเชีย
อนุพล เล่าให้ “ฐานเศรษฐกิจ” ฟังว่า จุดเริ่มต้นของแบรนด์ โมเบลลา เกิดจากการที่ตนเองเรียนจบมาทางด้านสถาปัตยกรรมด้านออกแบบเฟอร์นิเจอร์ และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับโรงงานผู้ผลิตโซฟาที่มีประสบการณ์มากว่า 20 ปีในตลาด จึงเกิดความคิดที่จะสร้างแบรนด์ที่เป็นของตนเองเกี่ยวกับโซฟา จึงพยายามเสาะหาวิธีสร้างความแตกต่าง หรือจุดเด่นให้กับโซฟาในตลาดระดับสากล โดยแนวคิดที่น่าจะตอบโจทย์มากที่สุดก็คือการสร้างคอลเลกชันโซฟาที่มีคาแรกเตอร์ของความเป็นไทย หรือความเป็นเอเชียเพื่อเพิ่มมูลค่าแบรนด์ Mobella จึงถือกำเนิดขึ้นมาในตลาด
ทั้งนี้ โซฟาที่บ่งบอกถึงคาแรกเตอร์ความเป็นไทย หรือความเป็นเอเชียที่ Mobella เลือกที่จะนำเสนอที่ผ่านมาก็คือ การนำธรรมชาติ ต้นไม้ และดอกไม้ของไทยมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ โดยล่าสุดที่สร้างความฮือฮาให้กับตลาดก็คือการนำรูปลักษณ์ และลักษณะของขนมไทยมาเป็นพื้นฐานในการออกแบบโซฟา ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้บริโภคในตลาดต่างประเทศ
“ในทุกปีเราจะเปิดตัวคอลเลกชั่นใหม่ที่งานแสดงเฟอร์นิเจอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี โดยเป็นแบรนด์โซฟาไทยเพียงแบรนด์เดียวที่ได้เข้าร่วมงาน ซึ่งเราผ่านการคัดเลือกจากองค์การการค้าระหว่างประเทศ โดยโซฟาจากต่างประเทศจะมีความโดดเด่นกว่าของเรามาก ทั้งเรื่องของดีไซน์ และเรื่องเทคโนโลยีที่ลํ้าหน้า แต่สิ่งที่เราแตกต่างคือการนำเรื่องหัตถอุตสาหกรรม ซึ่งหมายถึงฝีมือแรงงานของคนไทยที่มีความละเอียดอ่อนมาผสมผสานกับนักออกแบบที่ผสานความเป็นไทยและความเป็นเอเชียลงไปในผลิตภัณฑ์ ทำให้เวลาที่ไปโชว์ในงานคาแรกเตอร์ของแบรนด์จึงมีความแตกต่าง และน่าสนใจ”
++เพิ่มช่องทางขาย
อนุพล บอกว่า ธุรกิจของตนมีลูกค้าเป็นชาวต่างประเทศประมาณ 70% และเป็นลูกค้าในประเทศ 30% โดยปัจจุบันบริษัทมีผู้แทนจำหน่าย (distributor) ในต่างประเทศอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นที่ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง ขณะที่ในเมืองไทยจะมีโชว์รูม 2 แห่งบนทำเลย่านรัชดาฯ ซึ่งจะเน้นโซฟาที่ทำจากผ้า และที่เอกมัยจะเน้นโซฟาแบบที่เป็นหนัง
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดในช่วงแรกนั้น ต้องย้อนกลับไปเมื่อ10 ปีที่แล้ว ซึ่งโรงงานผลิตในเมืองไทยเป็น OEM ทั้งหมดตามที่ต่างประเทศสั่งเข้ามาให้ทำตามแบบ มีผู้ผลิตน้อยรายที่สนใจจะทำแบรนด์ และด้วยความที่โรงงานเราเป็นโรงงานเล็กไม่ได้มีออร์เดอร์หรือกำลังการผลิตเยอะมาก เราเลยรู้สึกว่าถ้ายังพึ่งพาตลาด OEM อาจจะลำบาก เพราะเป็นตลาดทั่วไป (MASS) เราก็เลยมองเรื่องการสร้างแบรนด์ โดยเริ่มลองผิดลองถูกก่อนในช่วง 2-3 ปีแรก และใช้การโปรโมตตามงานแสดงสินค้าจากทั้งในและต่างประเทศ เช่นเดียวกับในปัจจุบัน เพราะเรายังมีทั้ง 2 ตลาดหลัก ซึ่งก้าวต่อไปหลังจากนี้ โดยกลยุทธ์หลักเราเริ่มมีเอเยนต์ และมีตัวแทนจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นที่ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และออสเตรเลีย โดยขายผ่านแบรนด์เราเป็นเอเยนต์
++มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์
อนุพล บอกว่า ภาพรวมของธุรกิจในอนาคตนั้น ด้วยความที่เราเป็นองค์กรที่ไม่ใหญ่ หรือเรียกว่าเป็นเอสเอ็มอีขนาดกลาง เลยมองว่าจะทำให้แบรนด์มีความเกี่ยวข้องกับการเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น เราจะไม่ได้ออกแบบแค่โซฟา เพราะมองว่าผู้ที่จะเข้ามาเป็นลูกค้าเราจะมีความชอบอะไรบางอย่าง หากเราสามารถออกแบบสินค้า เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตประจำวันได้น่าจะดี ปีนี้จึงมีการเปิดไลน์ โมเบลลาโฮม ซึ่งจะเป็นของตกแต่งบ้าน เพื่อขยายฐานลูกค้า เพราะปัจจุบันผู้บริโภคที่จะเข้ามาในร้านสัก 1 ร้าน คงไม่ได้ต้องการจะได้แค่โซฟาอย่างเดียว แต่ต้องการเข้ามาดูว่าอะไรที่ตอบโจทย์ได้บ้าง เราเลยตอบสนองตรงนี้
สำหรับปี 2561 มีแผนที่เปิดให้บริการอาหารในรูปแบบคาเฟ่ ซึ่งลูกค้าสามารถเข้ามาดื่มกาแฟ กับมีบริการอาหารที่เหมาะกับห้องนั่งเล่น เรามองเรื่องการจับคู่ความแตกต่างกันของธุรกิจมากขึ้น โดยเฟอร์นิเจอร์กับแฟชั่นเป็นของคู่กัน เรานำทั้งหมดมารวมกันผสมผสานให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความเติมเต็ม โดยการมีคาเฟ่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าอยู่กับเรามากขึ้น
ส่วนคอลเลกชันใหม่ในปี 61 จะมีแรงบันดาลใจมาจากมวยไทย ซึ่งจะเป็นการนำคาแรกเตอร์ศิลปะการต่อสู้ของคนไทยในรูปแบบของมวยไทยมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบโซฟา เตียง โดยอาจจะเป็นท่าทางการต่อสู้ หรือองค์ประกอบ ซึ่งล่าสุดกำลังอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินงาน โดยจะเปิดตัวประมาณเดือนเมษายน 2561 ในช่วงที่มีการจัดงานมิลานแฟร์ เพื่อนำไปจัดแสดงในงาน
“ที่นึกถึงมวยไทยเพราะคาแรกเตอร์ของแบรนด์หลักมาจากความเป็นไทย และความเป็นเอเชีย เราจึงพยายามนำสิ่งที่คนต่างชาติยอมรับมานำเสนอผ่านผลิตภัณฑ์”
++มุ่งเป้ารายได้ 100 ล้านปี 61
นอกจากนี้ ยังจะเดินหน้าทำตลาดแบบออนไลน์อย่างเต็มตัวด้วยการพัฒนาเว็บไซต์ของบริษัทอย่างเป็นทางการขึ้นมา หลังจากที่ผ่านมาเริ่มมีลูกค้าสั่งซื้อผลิตภัณฑ์บ้างแล้วทางเพจของร้านโดยตั้งเป้าจะมีรายได้ประมาณ 100 ล้านบาทในปี 2561 เติบโตขึ้นจากปี 2560 ซึ่งบริษัทพยายามรักษาระดับรายได้ให้อยู่ที่ประมาณ 60 ล้านบาทเท่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคค่อนข้างชะลอตัวในปีนี้
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,321 วันที่ 10 - 13 ธันวาคม พ.ศ. 2560
[caption id="attachment_240126" align="aligncenter" width="503"]
++บอกความเป็นไทยและเอเชีย
อนุพล เล่าให้ “ฐานเศรษฐกิจ” ฟังว่า จุดเริ่มต้นของแบรนด์ โมเบลลา เกิดจากการที่ตนเองเรียนจบมาทางด้านสถาปัตยกรรมด้านออกแบบเฟอร์นิเจอร์ และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับโรงงานผู้ผลิตโซฟาที่มีประสบการณ์มากว่า 20 ปีในตลาด จึงเกิดความคิดที่จะสร้างแบรนด์ที่เป็นของตนเองเกี่ยวกับโซฟา จึงพยายามเสาะหาวิธีสร้างความแตกต่าง หรือจุดเด่นให้กับโซฟาในตลาดระดับสากล โดยแนวคิดที่น่าจะตอบโจทย์มากที่สุดก็คือการสร้างคอลเลกชันโซฟาที่มีคาแรกเตอร์ของความเป็นไทย หรือความเป็นเอเชียเพื่อเพิ่มมูลค่าแบรนด์ Mobella จึงถือกำเนิดขึ้นมาในตลาด
ทั้งนี้ โซฟาที่บ่งบอกถึงคาแรกเตอร์ความเป็นไทย หรือความเป็นเอเชียที่ Mobella เลือกที่จะนำเสนอที่ผ่านมาก็คือ การนำธรรมชาติ ต้นไม้ และดอกไม้ของไทยมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ โดยล่าสุดที่สร้างความฮือฮาให้กับตลาดก็คือการนำรูปลักษณ์ และลักษณะของขนมไทยมาเป็นพื้นฐานในการออกแบบโซฟา ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้บริโภคในตลาดต่างประเทศ
“ในทุกปีเราจะเปิดตัวคอลเลกชั่นใหม่ที่งานแสดงเฟอร์นิเจอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี โดยเป็นแบรนด์โซฟาไทยเพียงแบรนด์เดียวที่ได้เข้าร่วมงาน ซึ่งเราผ่านการคัดเลือกจากองค์การการค้าระหว่างประเทศ โดยโซฟาจากต่างประเทศจะมีความโดดเด่นกว่าของเรามาก ทั้งเรื่องของดีไซน์ และเรื่องเทคโนโลยีที่ลํ้าหน้า แต่สิ่งที่เราแตกต่างคือการนำเรื่องหัตถอุตสาหกรรม ซึ่งหมายถึงฝีมือแรงงานของคนไทยที่มีความละเอียดอ่อนมาผสมผสานกับนักออกแบบที่ผสานความเป็นไทยและความเป็นเอเชียลงไปในผลิตภัณฑ์ ทำให้เวลาที่ไปโชว์ในงานคาแรกเตอร์ของแบรนด์จึงมีความแตกต่าง และน่าสนใจ”
อนุพล บอกว่า ธุรกิจของตนมีลูกค้าเป็นชาวต่างประเทศประมาณ 70% และเป็นลูกค้าในประเทศ 30% โดยปัจจุบันบริษัทมีผู้แทนจำหน่าย (distributor) ในต่างประเทศอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นที่ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง ขณะที่ในเมืองไทยจะมีโชว์รูม 2 แห่งบนทำเลย่านรัชดาฯ ซึ่งจะเน้นโซฟาที่ทำจากผ้า และที่เอกมัยจะเน้นโซฟาแบบที่เป็นหนัง
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดในช่วงแรกนั้น ต้องย้อนกลับไปเมื่อ10 ปีที่แล้ว ซึ่งโรงงานผลิตในเมืองไทยเป็น OEM ทั้งหมดตามที่ต่างประเทศสั่งเข้ามาให้ทำตามแบบ มีผู้ผลิตน้อยรายที่สนใจจะทำแบรนด์ และด้วยความที่โรงงานเราเป็นโรงงานเล็กไม่ได้มีออร์เดอร์หรือกำลังการผลิตเยอะมาก เราเลยรู้สึกว่าถ้ายังพึ่งพาตลาด OEM อาจจะลำบาก เพราะเป็นตลาดทั่วไป (MASS) เราก็เลยมองเรื่องการสร้างแบรนด์ โดยเริ่มลองผิดลองถูกก่อนในช่วง 2-3 ปีแรก และใช้การโปรโมตตามงานแสดงสินค้าจากทั้งในและต่างประเทศ เช่นเดียวกับในปัจจุบัน เพราะเรายังมีทั้ง 2 ตลาดหลัก ซึ่งก้าวต่อไปหลังจากนี้ โดยกลยุทธ์หลักเราเริ่มมีเอเยนต์ และมีตัวแทนจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นที่ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และออสเตรเลีย โดยขายผ่านแบรนด์เราเป็นเอเยนต์
++มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์
อนุพล บอกว่า ภาพรวมของธุรกิจในอนาคตนั้น ด้วยความที่เราเป็นองค์กรที่ไม่ใหญ่ หรือเรียกว่าเป็นเอสเอ็มอีขนาดกลาง เลยมองว่าจะทำให้แบรนด์มีความเกี่ยวข้องกับการเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น เราจะไม่ได้ออกแบบแค่โซฟา เพราะมองว่าผู้ที่จะเข้ามาเป็นลูกค้าเราจะมีความชอบอะไรบางอย่าง หากเราสามารถออกแบบสินค้า เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตประจำวันได้น่าจะดี ปีนี้จึงมีการเปิดไลน์ โมเบลลาโฮม ซึ่งจะเป็นของตกแต่งบ้าน เพื่อขยายฐานลูกค้า เพราะปัจจุบันผู้บริโภคที่จะเข้ามาในร้านสัก 1 ร้าน คงไม่ได้ต้องการจะได้แค่โซฟาอย่างเดียว แต่ต้องการเข้ามาดูว่าอะไรที่ตอบโจทย์ได้บ้าง เราเลยตอบสนองตรงนี้
สำหรับปี 2561 มีแผนที่เปิดให้บริการอาหารในรูปแบบคาเฟ่ ซึ่งลูกค้าสามารถเข้ามาดื่มกาแฟ กับมีบริการอาหารที่เหมาะกับห้องนั่งเล่น เรามองเรื่องการจับคู่ความแตกต่างกันของธุรกิจมากขึ้น โดยเฟอร์นิเจอร์กับแฟชั่นเป็นของคู่กัน เรานำทั้งหมดมารวมกันผสมผสานให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความเติมเต็ม โดยการมีคาเฟ่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าอยู่กับเรามากขึ้น
“ที่นึกถึงมวยไทยเพราะคาแรกเตอร์ของแบรนด์หลักมาจากความเป็นไทย และความเป็นเอเชีย เราจึงพยายามนำสิ่งที่คนต่างชาติยอมรับมานำเสนอผ่านผลิตภัณฑ์”
++มุ่งเป้ารายได้ 100 ล้านปี 61
นอกจากนี้ ยังจะเดินหน้าทำตลาดแบบออนไลน์อย่างเต็มตัวด้วยการพัฒนาเว็บไซต์ของบริษัทอย่างเป็นทางการขึ้นมา หลังจากที่ผ่านมาเริ่มมีลูกค้าสั่งซื้อผลิตภัณฑ์บ้างแล้วทางเพจของร้านโดยตั้งเป้าจะมีรายได้ประมาณ 100 ล้านบาทในปี 2561 เติบโตขึ้นจากปี 2560 ซึ่งบริษัทพยายามรักษาระดับรายได้ให้อยู่ที่ประมาณ 60 ล้านบาทเท่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคค่อนข้างชะลอตัวในปีนี้
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,321 วันที่ 10 - 13 ธันวาคม พ.ศ. 2560
