'AOT' ฉาวอีก พิรุธเช่า BodyScanner พันล้าน

10 ธ.ค. 2560 | 10:43 น.
สำนักข่าวอิศราได้รายงานว่า มีความผิดปกติในการเช่าเครื่องตรวจวัตถุตามร่างกายผู้โดยสาร (Body Scanner) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT จากบริษัท เอ็ม.ไอ.ที.โซลูชั่น จำกัด นับตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน รวม 6 สัญญา จำนวน 28 เครื่อง มูลค่า 1,347,172,800 บาท โดยตั้งข้อสังเกตว่า เฉพาะในช่วงปี 2559 ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการทำสัญญาเช่ามากที่สุด 3 สัญญา รวมวงเงิน 1,082,155,200 บาท ซึ่งมีรายละเอียดปรากฏดังนี้

สัญญาแรก ทำเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2559 ระบุข้อมูลเครื่องตรวจวัตถุตามร่างกายผู้โดยสารแบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ Automatic Target Detection (ATD) ยี่ห้อ L3 รุ่น Pro Vision 2 จำนวน 11 เครื่อง ใช้ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 5 เครื่อง ท่าอากาศยานดอนเมือง 3 เครื่อง ท่าอากาศยานภูเก็ต 2 เครื่อง และท่าอากาศยานเชียงใหม่ 1 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ประกอบ และการติดตั้ง กำหนดระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2559-30 มิถุนายน 2564 ระบุเงื่อนไขการจ่ายเงินค่าเช่ารวมเป็นเงินทั้งสิ้น 425,132,400 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จำนวน 27,812,400 บาท) และค่าใช้จ่ายอื่นแล้ว กำหนดจ่ายเป็นงวดๆ เป็นรายเดือน จำนวน 60 งวด ในอัตรางวดละ 7,085,540 บาท เฉลี่ยราคาเช่าต่อเครื่องอยู่ที่ 644,140 บาท

บาร์ไลน์ฐาน สัญญาส 2 ทำเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2559 ระบุข้อมูลเครื่องตรวจวัตถุตามร่างกายผู้โดยสารแบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ Automatic Target Detection (ATD) ยี่ห้อ L3 รุ่น Pro Vision 2 จำนวน 8 เครื่อง ใช้ที่ท่าอากาศ ยานสุวรรณภูมิ พร้อมอุปกรณ์ประกอบและติดตั้ง กำหนดระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2559-30 มิถุนายน 2564 ระบุเงื่อนไขการจ่ายเงินค่าเช่ารวมเป็นเงินทั้งสิ้น 309,187,200 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จำนวน 20,227,200 บาท) และค่าใช้จ่ายอื่นแล้ว กำหนดจ่ายเป็นงวดๆ เป็นรายเดือน 60 งวด ในอัตรางวดละ 5,153,120 บาท เฉลี่ยราคาเช่าต่อเครื่องอยู่ที่ 644,140 บาท

สัญญา 3 ทำเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2559 ระบุข้อมูลเครื่องตรวจวัตถุตามร่างกายผู้โดยสาร (Body Scanner) แบบ Automatic Target Detection (ATD) ยี่ห้อ L3 รุ่น Pro Vision 2 จำนวน 9 เครื่อง ใช้งานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 7 เครื่อง ท่าอากาศยานภูเก็ต 1 เครื่อง และท่าอากาศยานหาดใหญ่ 1 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ประกอบและการติดตั้ง ระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2559-19 ธันวาคม 2564 วงเงินค่าเช่า 347,835,600 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จำนวน 22,755,600 บาท) และค่าใช้จ่ายอื่นแล้ว กำหนดจ่ายเป็นงวดๆ เป็นรายเดือน 60 งวด ในอัตรางวดละ 5,797,260 บาท เฉลี่ยราคาเช่าต่อเครื่องงวดละ 644,140 บาทเช่นเดียวกัน

สัญญาเช่าฉบับล่าสุดวงเงิน 347,835,600 บาท เป็นการตกลงเช่าเครื่องแบบ Auto matic Target Detection (ATD) ยี่ห้อ L3 รุ่น Pro Vision 2 จำนวน 9 เครื่องเป็นสัญญาเช่าจากบริษัทเดิมเช่นเดียวกัน

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ01-3-1 ส่วนการประเมินผลการใช้งานเครื่องตรวจวัตถุตามร่างกายผู้โดยสาร (Body Scanner) ที่ผ่าน มาว่า มีประสิทธิภาพคุ้มค่ากับเงินงบประมาณที่ใช้จ่ายไปมากน้อย เพียงใด ยังไม่เคยปรากฏข้อมูลเป็นทางการว่ามีหน่วยงานใดเข้าไปตรวจสอบบ้างแล้วหรือยัง

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ “ฐานเศรษฐกิจ” ได้นำเสนอข่าว ชิงเค้กประมูลเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ในการตรวจสัมภาระท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของ AOT มูลค่า 3,053 ล้านบาท โดยอาจสูญเสียเงินที่ไม่จำเป็นในการเปลี่ยนสเปกความเร็ว เปลี่ยนเครื่องและนำไปสู่การรื้อสายพานลำเลียงใหม่ทั้งหมด โดยจะ เปลี่ยนเครื่องไปใช้ L3 ซึ่งเป็นยี่ห้อเดียวกับโครงการเช่าเครื่อง(Body Scanner)

จากหนังสือชี้แจงของบริษัท smiths แห่งอังกฤษ ซึ่งซื้อกิจการเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดดังกล่าวมาจากสหรัฐฯ โดยระบุว่า CTX ที่ติดตั้งมาตั้งแต่ปี 2549 นั้นสามารถใช้งานต่อไปได้อีก 5 ปี หรือจนถึงปี 2565 เกิดข้อกังขาตามมาถึงความเร่งรีบในเตรียมประมูลจัดซื้อจัดจ้างเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดดังกล่าว (อ่านรายละเอียดหน้า 14)

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,320 วันที่ 7 - 9 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว