‘บีทีเอส’ สยายปีกยุโรป! ทุ่มหมื่นล้านรุกโรงแรม-ชู ‘เวียนนา เฮ้าส์’ ต่อยอด 90 แห่ง

08 ธ.ค. 2560 | 12:07 น.
1835

“บีทีเอส” ทุ่มอีก 1.3 หมื่นล้าน ขยายพอร์ตโรงแรมไทย-ต่างประเทศ ปักธงบุกยุโรป 90 แห่ง ต่อยอดหลังซื้อ "เวียนนาเฮ้าส์” ทั้งผนึกแบรนด์ “อีสติน-ยูโฮเต็ล” รวบ 1.7 หมื่นห้องพัก ภายใต้โครงสร้างธุรกิจใหม่ มุ่งสร้างแบรนด์เจาะตลาดรับบริหารโรงแรมทั่วโลก

หลังจาก บริษัท ยูซิตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือข่าย บีทีเอส กรุ๊ป วางโครงสร้างให้ดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ได้เข้าซื้อกิจการโรงแรมภายใต้บริษัท Vienna House Capital GmbH Management AG หรือ เวียนนาเฮ้าส์ ผ่านบริษัทย่อยของ บมจ.ยูซิตี้ ในประเทศออสเตรีย มูลค่ากว่า 1.23 หมื่นล้านบาท เมื่อต้นปีที่ผ่านมา จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นในการต่อยอดการลงทุนใหม่ที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

[caption id="attachment_239377" align="aligncenter" width="503"] กวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)[/caption]

นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงทิศทางในการขยายธุรกิจโรงแรมทั้งภายในประเทศ ว่า นับจากนี้ยังคงมีแผนขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้งบลงทุนกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ทั้งการขยายโรงแรมในยุโรปกว่า 90 แห่ง และการลงทุนสร้างโรงแรมใหม่ในไทยอีก 2 โครงการ ส่งผลให้พอร์ตการลงทุนโรงแรมของ บมจ.ยูซิตี้ ในยุโรป อยู่ที่ราว 60-70% และอีก 30-40% อยู่ในเมืองไทย

ตามแผนที่วางไว้จะขยายการลงทุนโรงแรมในยุโรปเพิ่มอีกว่า 90 แห่ง คาดว่า ใช้เงินลงทุนอีกราว 5-6 พันล้านบาท
ทั้งการซื้อโรงแรมและการรับบริหาร ซึ่งมองไว้ว่าจะเป็นลักษณะสกีรีสอร์ต, โรงแรมใกล้ทะเลสาบ เป็นต้น ขณะนี้ กำลังมองที่จะเข้าไปซื้อกิจการที่เป็นแบรนด์โรงแรมอยู่ 1 แบรนด์ ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมอยู่แล้วกว่า 30 แห่ง หรือแม้แต่การปรับหอพักนักศึกษามาทำเป็นโรงแรมด้วย

| เป้า 5 ปี กำไรเพิ่ม 2 เท่า |
การลงทุนดังกล่าวใช้เงินไม่มาก เนื่องจากส่วนหนึ่งสามารถนำเงินรายได้ที่เกิดขึ้นหลังการซื้อกิจการของ ‘เวียนนาเฮ้าส์’ ที่มีโรงแรมอยู่ราวกว่า 30 แห่ง ซึ่งทำให้เป็นเจ้าของโรงแรม 24 แห่ง และรับบริหารอีก 7-8 แห่ง ทั้งในเยอรมนี โปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ก และรัสเซีย ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่ดีมาก คาดว่าในปีนี้จะมีรายได้ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) ราว 25 ล้านยูโร เพิ่มจากปีที่แล้วอยู่ที่ 22 ล้านยูโร และคาดว่า อัตราการเติบโตปีนี้จะเพิ่มขึ้นราว 15-20% เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ทำให้นำมาใช้ขยายการลงทุนใหม่ได้ ซึ่งตามเป้าหมายวางไว้ว่า จะเพิ่มกำไรจากธุรกิจนี้ขึ้นเป็น 2 เท่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้า


วิทยุพลังงาน

“การซื้อกิจการโรงแรมในยุโรป เพราะเห็นว่า ในช่วง 1-2 ปีที่แล้ว ที่เกิดกรณี BREXIT ขึ้น ทำให้มองว่า เป็นโอกาสที่จะขยายธุรกิจในยุโรป เพราะได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยน ผมก็ไปดูอยู่หลายแห่ง และที่ผ่านมา ใช้เวลาศึกษามาเกือบ 3 ปี ประกอบกับ แม้เศรษฐกิจในยุโรปจะไม่ดี แต่ในแง่ของธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวในยุโรปจะยังดีอยู่ เพราะค่าเงินถูก คนชอบไปเที่ยว และคนไทยชอบไปเที่ยวยุโรปมาก ซึ่งสมัยก่อนไปเที่ยวกันในเมืองใหญ่ ๆ ของยุโรปกันเป็นหลัก แต่แนวโน้มมีการเดินทางเที่ยวเมืองเล็ก ๆ ในยุโรปมากขึ้น ดังนั้น การที่ ‘เวียนนาเฮ้าส์’ มีโรงแรมในเมืองเล็ก ก็จะเป็นโอกาสที่คนไทยจะเดินทางไปเที่ยวในเมืองเหล่านี้ได้มากขึ้น ผ่านการโปรโมตผ่านสื่อต่าง ๆ รวมถึงธุรกิจสื่อในเครือของบีทีเอส” นายกวิน กล่าว


P1-3320-A

อย่างไรก็ดี โรงแรมที่ไปลงทุนในยุโรปจะเป็นขนาดระดับ 3-4 ดาวครึ่ง ไม่ได้มองโรงแรมระดับ 5 ดาว เพราะให้ผลตอบแทนในการลงทุนที่ดีกว่าและหาเงินได้ดีกว่าโรงแรมในประเทศไทย ซึ่ง ‘เวียนนาเฮ้าส์’ จะมีโรงแรมภายใต้การบริหารอยู่ 2 แบรนด์ คือ แบรนด์เวียนนาเฮ้าส์ ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) เฉลี่ยอยู่ที่ 60 ยูโร และมีอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (ADR) อยู่ที่ 90 ยูโร ส่วนแบรนด์เวียนนาอีซี่ (3 ดาว) จะมีรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) เฉลี่ยอยู่ที่ราว 20-30 ยูโร

“การลงทุนในธุรกิจโรงแรมในยุโรป ไม่ได้มองเฉพาะกำไรหรือผลตอบแทนจากการลงทุนเพียงด้านเดียว ซึ่งตอนเราซื้อเวียนนาเฮ้าส์ ลงทุนไป 300 ล้านยูโร ตอนนี้มีกำไรกว่า 100 ล้านยูโร แต่เรายังมองถึงการสร้างแบรนด์ เพื่อทำให้แบรนด์ได้มูลค่า นำไปต่อยอดขยายธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้นไปอีก เพื่อมุ่งสร้างรายได้ในระยะยาวด้วย”

นายกวิน ยังกล่าวต่ออีกว่า ดังนั้น ขณะนี้เตรียมจะรวมแบรนด์โรงแรมในเครือที่มี คือ เวียนนาเฮ้าส์ ที่เป็นเจ้าของ 100% กับ ‘แบรนด์อีสติน’ และ ‘แบรนด์ยูโฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท’ ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท แอ๊บโซลูท โฮเต็ล เซอร์วิส จำกัด (AHS) ที่ได้ร่วมลงทุนกับ โจนาธาน วิกลีย์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารโรงแรม ที่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สามารถขยายโรงแรมภายใต้การบริหารของ AHS เติบโตต่อเนื่อง มาจัดโครงสร้างการบริหารจัดการให้เป็นแบรนด์เดียวกัน


โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6

| จัดทัพธุรกิจใหม่ |
โดยจะจัดโครงสร้างใหม่ ให้อยู่ภายใต้การดูแลของ ‘เวียนนาเฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล’ ที่จะดูแลใน 2 เรื่องหลัก ได้แก่

1.เรื่องการทำ Lease Management (บริหารการเช่า) ในประเทศไทย ซึ่งจะตั้งบริษัทขึ้นมาที่จะเป็นในลักษณะ 1 บริษัท ต่อ 1 ทรัพย์สิน

2.ทำหน้าที่บริหารจัดการโรงแรมในแบรนด์เวียนนาเฮ้าส์, แบรนด์อีสติน และยูโฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท เพื่อต่อยอดขยายการรับบริหารโรงแรมทั้งในยุโรปและเอเชีย

การรวมแบรนด์ที่จะเกิดขึ้น จะทำให้ช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจโรงแรมได้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบัน ที่รวมทุกแบรนด์มีจำนวนห้องพักในขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 1.7 หมื่นห้องแล้ว ทั้งในไทยและต่างประเทศ จากการรับบริหารและการลงทุนโรงแรมของเราเอง จากจุดเริ่มต้นโรงแรมยูเชียงใหม่ ในนามบริษัท ธนายงค์ฯ ที่มีห้องพักอยู่ที่ 41 ห้องเท่านั้น

สำหรับการลงทุนโรงแรมในไทย บมจ.ยูซิตี้ มีโรงแรมที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 2 แห่ง คือ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท ที่จะเป็นโครงการมิกซ์ยูส มีโรงแรมขนาด 400 ห้อง คอนโดมิเนียม สำนักงาน คาดจะเปิดให้บริการอีก 4 ปี มูลค่าการลงทุนราว 6 พันล้านบาท และ 2.โรงแรมอีสติน ธนา ซิตี้ กอล์ฟ รีสอร์ท มีห้องพัก 200 ห้อง ลงทุนราว 1,000 ล้านบาท ในโครงการธนาซิตี้ ที่เปิดให้บริการ เม.ย. ปีหน้า เน้นขายกลุ่มพำนักระยะยาว


Screen Shot 2560-12-08 at 18.38.52

รวมถึงเตรียมพัฒนาที่ดินโรงภาษีร้อยชัก 3 คาดว่า จะเริ่มลงทุนได้ในปีหน้า จะเป็นโรงแรมที่ต่ำกว่า 70 ห้อง แต่เน้นขายห้องพักในราคาสูง โดยจะนำแบรนด์เวียนนาเฮ้าส์เข้ามาบริหาร คาดว่า จะเปิดให้บริการได้ในอีก 4-5 ปี


หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,320 วันที่ 7-9 ธ.ค. 2560 หน้า 01 และ 02

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว