‘เบนโตะ-เจเล่’บุกต่างประเทศ ยึดตลาดจีน-CLMV โกยยอด 1.3 หมื่นล้าน

09 ธ.ค. 2560 | 11:21 น.
ศรีนานาพรฯ ลุยตลาดต่างประเทศ เดินสู่เป้า 1.3 หมื่นล้าน ในปี 2566 บุกตลาดจีน ฟิลิปปินส์ และซีแอลเอ็มวี ล่าสุดผนึก ไทยนครพัฒนา ลงขัน 300 ล้านผุดโรงงานในเขมร ขายขนมตีตลาดประเทศเพื่อนบ้าน หวังโกยยอดขาย 1,000 ล้าน ก่อนเดินหน้าลงทุนต่อที่เวียดนาม รับประชากร 90 ล้านคน

นายฐากร ชัยสถาพร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมและเครื่องดื่ม อาทิ แบรนด์เบนโตะ เจเล่ เป็นต้น เปิดเผยว่า ได้วางเป้าหมายธุรกิจภายในปี 2565-2566 จะทำยอดขายได้ 1.3 หมื่นล้านบาท ทั้งยอดขายที่มาจากตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดในต่างประเทศที่ได้เตรียมขยายธุรกิจไปในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี รวมถึงประเทศจีนและฟิลิปปินส์ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพและโอกาสการเติบโตทางธุรกิจสูง

[caption id="attachment_239208" align="aligncenter" width="503"] ฐากร ชัยสถาพร ฐากร ชัยสถาพร[/caption]

โดยการทำตลาดในประเทศจีนนั้น ได้เข้าไปจัดตั้งบริษัทเพื่อทำการตลาดในช่วงปี 2559 แต่เริ่มจดทะเบียนการค้า รวมถึงการขออนุญาตดำเนินธุรกิจต่างๆ แล้วเสร็จในช่วงเดือนพฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งมีสินค้าทำตลาดในสินค้า 2 รายการ ได้แก่ เวเฟอร์ชอกกี้ และเบนโตะ กำลังจะทำตลาดสินค้าบิสกิตขาไก่โลตัสต่อไป คาดว่าเฉพาะยอดขายปีนี้จะทำได้กว่า 300 ล้านบาท ขณะที่ปี 2561 จะทำยอดขายได้ 600-700 ล้านบาท ส่วนปี 2562 น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาท

“เดิมบริษัทส่งสินค้าไปที่ประเทศจีนขายนานแล้ว แต่ไม่ได้ตั้งทีมขาย เนื่องจากตลาดจีนทำตลาดได้ยากมากจีนตลาดใหญ่แต่ละมณฑลมีแต่ละวัฒนธรรมที่แตกต่างการส่งสินค้าไปทำตลาดเพราะสินค้าได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาซื้อสินค้าไปเป็นของฝาก จึงได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์และวางแผนออกมาทำตลาดในอนาคตมีแผนก่อสร้างโรงงานผลิตในประเทศจีน หากตลาดมียอดขายที่มั่นคงเพราะจีนมีนโยบายวันเบลต์วันโรด (One Belt One Road) ซึ่งจะเริ่มเสร็จใน 6 ปีข้างหน้า ที่ครอบคลุม 65 ประเทศ ในเอเชียกลางและยุโรปตะวันออก ทำให้ได้รับประโยชน์จากระบบโลจิสติกส์ที่จะเกิดขึ้น”

อ๊ายยยขายของ-7-1 ส่วนประเทศฟิลิปปินส์ บริษัทเพิ่งเข้าไปจัดตั้งบริษัทและคาดว่าจะเริ่มทำตลาดจริงจังได้ในเดือนมกราคมปี 2561 ซึ่งประเทศฟิลิปปินส์ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากมีจำนวนประชากรมากและมีรายได้เฉลี่ยต่อคนปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นประเทศที่มีภัยพิบัติค่อนข้างมาก ทำให้คาดว่าจะทำยอดขายได้ปีละ 200 ล้านบาท และไม่เกิน 500 ล้านบาทภายในปี 2565-2566 สำหรับปีหน้าบริษัทยังเตรียมศึกษาตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าไปทำตลาดในอนาคตด้วยส่วนในประเทศ อื่นๆ บริษัทมีตัวแทนจำหน่ายนำสินค้า อาทิ ประเทศเกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง และสิงคโปร์ เป็นต้น

ล่าสุดบริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา อาทิ ทิฟฟี่ ด้วยงบลงทุนรวม 300 ล้านบาท จัดตั้งบริษัท เอส.ซี.ฟู้ดส์ โปรดักส์ จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 60% และบริษัท ไทยนครพัฒนาฯ สัดส่วน 40% เพื่อตั้งโรงงานผลิตเวเฟอร์ บิสกิต และเยลลี่ ในประเทศกัมพูชา โดยมีขนาดพื้นที่รวม 42 ไร่ เบื้องต้นจะใช้พื้นที่ประมาณ 10 ไร่ และในปี 2562 จะลงทุนเพิ่มอีก 50ล้านบาทเพื่อเพิ่มไลน์การผลิตสินค้ากลุ่มขนมปัง ซึ่งคาดว่าจะใช้พื้นที่รวมทั้ง 2 โรงงานไม่เกิน 20 ไร่ ซึ่งมีกำลังการผลิตรองรับยอดขายได้ 1,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังจะเข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนาม เพื่อก่อตั้งโรงงานผลิตสินค้า เบื้องต้นจะเป็นผลิตภัณฑ์เยลลี่ซองและเจเล่บิวตี้ ด้วยงบลงทุนในเฟสแรก 300 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2561 ส่วนในเฟสที่ 2 จะลงทุนต่อเนื่องในปลายปีหน้าหรือช่วงต้นปี 2562 ด้วยงบลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อรองรับยอดขายได้ถึง 1,000 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางปีหน้าอาจจะพิจารณาลงทุนในส่วนเครื่องจักรเพื่อผลิตสินค้ากลุ่มนํ้าผลไม้อีก 500 ล้านบาท ที่มีกำลังการผลิต 3 หมื่นขวดต่อวัน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,320 วันที่ 7 - 9 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว