ทรัมป์ยกเครื่องภาษี-ดึงเงินกลับบ้าน

07 ธ.ค. 2560 | 23:15 น.
tp10-3320-2c เรียบร้อยไปแล้วสำหรับนโยบายปฏิรูปภาษีอันเป็นนโยบายเรือธงของ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ที่ใช้เป็นนโยบายหาเสียงมาโดยตลอด โดยเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 2 ธันวาคม วุฒิสภาสหรัฐฯก็ผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีไปเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรก็ผ่านไปก่อนหน้านั้น ซึ่งร่างกฎหมายนี้มีชื่อว่า “Tax Cuts and Jobs Act”

แต่ทว่า เนื้อหาที่ทั้ง 2 สภาได้ผ่านไปนั้นยังมีความแตกต่างกันในเรื่องของการปฏิรูปภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครับ เช่น ร่างกฎหมายฉบับของสภาล่างกำหนดให้มีฐานภาษี 4 ขั้น ส่วนของวุฒิสภานั้นมีถึง 7 ขั้น เป็นต้น โดยทั้ง 2 สภาจะต้องประชุม
หารือกันก่อนที่จะเสนอขึ้นต่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อลงนามเป็นกฎหมายต่อไป ซึ่งถ้าหากสำเร็จ ก็จะถือเป็นการแก้ไขกฎหมายภาษีของสหรัฐฯครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1986 ทีเดียว

สำหรับเรื่องของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก็เป็นเรื่องของชาวสหรัฐฯไปครับ ว่าใครจะจ่ายน้อยลง หรือจะจ่ายเพิ่มขึ้น แต่สำหรับชาวโลกนั้นกฎหมายฉบับนี้ มีเนื้อหาลดภาษีนิติบุคคล ลงเหลือ 20% เท่านั้น จากปกติที่ 39% สหรัฐฯถือเป็นประเทศหนึ่งในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่เรียกเก็บภาษีนิติบุคคลสูงมากที่สุด
ในโลก

tp10-3320-1c ทรัมป์ ชูนโยบายนี้มาตั้งแต่ช่วงระหว่างหาเสียง โดยให้เหตุผลว่า ที่ผ่านมาเอกชนสหรัฐฯไม่นำเงินรายได้กลับเข้าประเทศ เพราะต้องเสียภาษีสูงลิ่ว ทำให้กระทรวงการคลังของสหรัฐฯขาดรายได้จากภาษีที่ควรเก็บได้ ตัวอย่างดังๆ ที่เป็นเรื่องอื้อฉาว ก็เช่นกรณีของบริษัท แอปเปิลฯ ผู้ผลิตไอโฟนที่เราๆ ใช้กันนี่ล่ะครับ ที่ไปเปิดสำนักงานใหญ่ในไอร์แลนด์ รับเงินเข้าอยู่ที่นั่น อาศัยช่องโหว่ทางกฎหมาย และการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลที่ตํ่าในไอร์แลนด์ ทำให้แอปเปิล จ่ายภาษีในไอร์แลนด์ที่อัตรา 0.005% เท่านั้นในปี 2014 !

นิตยสารฟอร์บส์ ได้รายงานเอาไว้น่าสนใจครับ ว่าเป็นเพราะภาษีนิติบุคคลที่สูง
ลิ่วของสหรัฐฯที่ทำให้เอกชน
ไปนำเงินกลับประเทศ ทำให้กระทรวงการคลังต้องสูญเสียรายได้จากภาษีในส่วนนี้สูงถึงเฉลี่ยปีละ 111,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินบาทไทยก็ตกประมาณ 3,774,000 ล้านบาท !

เพราะฉะนั้น ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ทรัมป์ พยายามที่จะดึงเงินรายได้มหาศาลของเอกชนสหรัฐฯ ที่ทำการค้าขายอยู่ทั่วโลก ให้กลับไปยังผืนแผ่นดินสหรัฐฯ เพื่อที่จะเรียกเก็บภาษีนิติบุคคลได้เพื่อสร้างรายได้ให้กับรัฐบ้าง แม้ว่าอัตราภาษีจะน้อยลงกว่า แต่ก็ยังดีกว่าที่เงินไม่เข้ารัฐบ้างเลย

บาร์ไลน์ฐาน นอกจากนั้น ทรัมป์ ยังหวังว่า สำหรับบริษัทเอกชนที่ดำเนินการอยู่ในแผ่นดินสหรัฐฯอยู่แล้ว ก็จะจ่ายภาษีลดลง เพื่อเป็นการช่วยเหลือภาคเอกชนไปในตัว และเมื่อภาคเอกชนเหล่านี้ มีภาระภาษีที่ลดลง ก็น่าจะช่วยให้หันมาจ้างงานกันมากขึ้น ซึ่งก็จะไปสอดดคล้องกับนโยบายเพิ่มการจ้างงานของเขานั่นเอง

แต่กระนั้น ก็มีหลายเสียงโต้แย้งว่า การลดอัตราภาษีนิติ บุคคลนั้น จะช่วยให้เกิดการจ้างงานได้จริงหรือ เพราะพฤติกรรมของเอกชนก็ต้องย่อมทำกำไรสูงสุด ลดรายจ่ายให้มากที่สุด และหาประโยชย์เข้าตัวให้ได้มากที่สุด สุดท้ายเอกชนเหล่านี้ได้ผลประโยชย์จากภาษีที่ถูกลงก็จริง ได้กำไรมากขึ้นก็จริง แต่ก็จะไปจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นมากกว่าจะมาจ้างคนงานเพิ่ม

ส่วนความวิตกกังวลที่ว่า เอกชนสหรัฐฯ จะย้ายฐานกลับไปแผ่นดินแม่หรือไม่นั้น ก็ต้องรอดูกันยาวๆ ครับ เพราะบริษัทเหล่านี้วางแผนกันล่วงหน้าเป็นปีครับ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,320 วันที่ 7 - 9 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว