Moto Parilla ฟุ้งยอดจองงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 4 วันเกินเป้า

05 ธ.ค. 2560 | 06:00 น.
นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมโต พาริลล่า (ประเทศไทย) จำกัด   เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์พรีเมี่ยมคลาสสิค “ Moto Parilla ” สัญชาติอิตาลี อย่างเป็นทางการในงาน Motor Expo ภายใต้แนวคิด “Scooter Classic never died ”  พบว่ามีลูกค้าจองแล้วถึง 86  คัน โดยรุ่นที่ได้รับการตอบรับมากที่สุด  คือ  รุ่นท้อป ทูโทน  เบาะแยก ขนาดเครื่องยนต์ 150 ซีซี ราคาเฉพาะในงาน 73,900  บาท โดยบริษัทคาดว่าจะเริ่มส่งมอบรถให้ลูกค้าได้ตั้งปีใหม่เป็นต้นไป

1 (23) "เราเริ่มต้นด้วยการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34 หรือMotor Expo บูธ จี 12 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 11 ธันวาคมนี้ที่ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี เพื่อนำเสนอและเปิดจองและรับสินค้าหลังจบงาน 30 วัน ขณะที่การประกอบรถของเรานั้นจะเป็นการนำเข้าชิ้นส่วนรถมาประกอบที่โรงงานของ เดอะ  สตาเลียน แบรนด์มอเตอร์ไซค์ของคนไทย แต่ระบบการประกอบ การดูแลหลังการขาย จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลจากบริษัทแม่ต้นสังกัด  Moto Parilla"

5 (2) นายรัฐภูมิ กล่าวถึงความคืบหน้าในการก่อสร้าง สำนักงานใหญ่  และโชว์รูม  บนพื้นที่ 300 ตารางวา ห้าแยกวัชรพล  คาดว่าจะเสร็จในเดือนธันวาคมนี้  โดยจะออปแบบในสไตล์ตู้คอนเทนเนอร์ ติดตั้งระบบโซล่าเซล พลังงานประหยัด  และจะเป็นสถานีทดลองชาร์ตของรถไฟฟ้าที่ใช้โซล่าเซลล์แห่งแรกของประเทศไทย พร้อมกันนี้ อยู่ระหว่าง แต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย  การสร้างพันธมิตร ไฟแนนซ์  ดีลเลอร์ รวมถึงลูกค้า  การจัดกิจกรรมการตลาด การบริการดูแลหลังการ

2 (9) นางอารีรัตน์ ศรีประทาย ประธานกรรมการบริหาร  บริษัท พาวเวอร์  สตาเลียน จำกัด ในเครือ สตาเลียนกรุ๊ป กล่าวว่า  การที่  บริษัท โมโต พาริลล่า (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับความเชื่อมั่นจากบริษัทแม่ที่อิตาลีให้ขยายตลาดในภูมิภาคนี้ และด้วยสตาเลียนกรุ๊ป ซึ่งมีโรงงานผลิต และประกอบรถจักรยานยนต์ถึง 2 แห่งที่ชลบุรี และสมุทรปราการ  เราจึงมีศักยภาพการผลิตและรองรับการขยายการเติบโตได้อีกในอนาคต อีกทั้งเรายังเห็นความสำคัญในเรื่องคุณภาพสินค้า เป็นหัวใจสำคัญ  จึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมมือกับโมโต พาริลล่า ( ประเทศไทย ) และบริษัทแม่ ซึ่งจะส่งผลให้สตาเลียนแข็งแกร่ง พัฒนาเติบโต และยกระดับพัฒนามาตรฐานสินค้ายิ่งขึ้น ตลอดจนการเป็นฐานผลิตให้กับแบรนด์ต่างชาติที่มีชื่อเสียงต่อไป