หุ้นช้างเผือกภูธรเพียบ ตลาดหลักทรัพย์ฯเร่งเพิ่มหุ้นชั้นดี ปรับคุณภาพบจ.

03 ธ.ค. 2560 | 07:59 น.
ทีมหาสินค้ายุคใหม่ ทำงานเชิงรุก นักธุรกิจต่างจังหวัดสนใจเข้าระดมทุนเอง เป้าหมายโตยั่งยืน “สันติ” ประเมินภาพรวมบจ. หักใน SET 100 ให้คะแนน 6.5-7 คะแนน เชื่อยังเพิ่มความสามารถได้อีกมาก ใช้ไม้แข็งแก้บริษัทที่เป็นจุดอ่อนของตลาด

นายสันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้มีบริษัทที่อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 20 บริษัท คาดว่าจะทยอยเข้าจดทะเบียนภายในระยะเวลา 3 ปี โดยระหว่างปีมีการหาเพิ่มเติม และมีหลักทรัพย์ต่างๆ

[caption id="attachment_175641" align="aligncenter" width="335"]  นายสันติ กีระนันท์ นายสันติ กีระนันท์[/caption]

สําหรับปีนี้คาดว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ได้ตามเป้าหมาย 5.5 แสนล้านบาท เฉพาะบริษัทจดทะเบียนเข้ามาแล้ว 26 บริษัท คาดทั้งปีนี้รวม 30 บริษัท เพิ่มมาร์เก็ตแคป 3.3 แสนล้านบาท ส่วนปีหน้ายังคงเป้าหมายรวม 5.5 แสนล้านบาทเช่นเดิม ตามแผน 3 ปี (2559-2561)

นายสันติ เล่าให้ฟังถึงการหาบริษัทจดทะเบียนใหม่ว่า ได้เดินทางไปทุกภาคของประเทศไทย พบบริษัทที่ดีและมีขนาดใหญ่ ที่พิจารณาจากทั้งทางด้านรายได้และศักยภาพในการเติบโต บริษัทส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจเชื่อมโยงกับภูมิภาค แม้บริหารแบบครอบครัว แต่มีการพัฒนาแบบชาวบ้าน เพื่อเป้าหมายให้เติบโตอย่างยั่งยืน

“เวลานี้เราปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิผลให้ดีขึ้น การหาสินค้าในปัจจุบัน ก็ไม่ต้องทำการตลาดมากเหมือนแต่ก่อนแล้ว เพราะนักธุรกิจรู้จักตลาดหุ้นและต้องการเข้ามาจดทะเบียนเอง นักธุรกิจภูธร ไม่เคยหยุดคิด เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ และคิดถึงการต่อยอด ขยายทั้งแนวตั้งและแนวนอน ทำธุรกิจครบวงจรมากพร้อมจะออกไปสู่ภูมิภาค เริ่มต้นจากจังหวัดของตัวเอง และขยายไปสู่ภาค ขณะนี้เริ่มออกนอกภาคแล้ว” นายสันติกล่าว

ขณะเดียวกันผู้บริหารได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดที่เคยคิดว่ารวยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น เป็นการเข้าตลาดหุ้น แต่ไม่ใช่วัตถุประสงค์เพื่อต้องการระดมทุนเท่านั้น แต่ห่วงว่ากิจการจะมีการเติบโตอย่างยั่งยืนหรือไม่ ถ้ารุ่นลูกรุ่นหลานไม่สืบสานธุรกิจ และจะทำอย่างไรต่อไป

MP17-3318-A อย่างไรก็ตาม การจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ฯจะต้องมีการจัดโครง สร้าง ใช้เวลาปรับปรุงการบริหารจัดการ ซึ่งสอดคล้องกับงานของตลาดหลักทรัพย์ฯที่เป็นพี่เลี้ยง ให้ปรึกษาก่อนที่จะพบที่ปรึกษาทางการเงิน และจะบอกให้ทราบถึงความรับผิดชอบในวงกว้างด้วย แต่หากเห็นว่ายังไม่พร้อมก็จะบอกตามตรงและมีข้อเสนอให้ปรับปรุงด้วย เพื่อให้มีความพร้อมจะเข้าตลาดหุ้น คาดแต่ละบริษัทจะใช้เวลาเตรียมตัวไม่น้อยกว่า 2 ปี บางแห่งอาจจะใช้เวลา 3-4 ปี

สำหรับการทำงานหาหลักทรัพย์ใหม่ๆ ซึ่งไม่ได้มีเพียงหุ้นของบริษัทจดทะเบียนเท่านั้น ตลาดมีผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนหลายประเภท ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับ สภาหอการค้าฯ สภาอุตสาหกรรมฯ และจัดสัญจรในต่างจังหวัดและจัดงาน SET in the Citi รวมถึงการจัดงาน ไอพีโอ โฟกัส และร่วมมือกับไอบี คลับ เพื่อหาสินค้าดีๆ และเพิ่มนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาลงทุนในตลาด

รองผู้จัดการ กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯมีหน้าที่ดูแลบริษัทจดทะเบียนให้ดีเสมอต้นเสมอปลาย เมื่อคุณภาพโดยรวมเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงบริษัทจดทะเบียนเติบโต ในปี 2559 กำไรทำสถิติสูงสุด อัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ย 3.2% สูงกว่าหลายตลาดในภูมิภาคนี้ ก็จะดึงดูดให้นักลงทุน โดยเฉพาะสถาบันไทยและต่างประเทศเข้าลงทุน ดัชนีหุ้นตลาดหลักทรัพย์ฯมีโอกาสทำ All Time High เปรียบเทียบกับดัชนีหุ้นสูงสุด 1753 เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2537 ตอนนั้นมาร์เก็ตแคปประมาณ 80% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปัจจุบัน มาร์เก็ตแคปของตลาดมากกว่า 2 เท่าของจีดีพี

“บริษัทจดทะเบียนมีอยู่ 670 บริษัท หากเอาบริษัทที่อยู่ใน SET 100 ออก ผมให้คะแนน 6.5-7 คะแนนเต็ม 10 ซึ่งยังสามารถทำให้แข็งแรงขึ้นได้อีกมาก บริษัทใดแข็งแรง จะมีโอกาสเติบโตได้มาก แต่หากใครอ่อนแอ เราจะพูดคุยด้วย ช่วยหาสาเหตุที่อ่อนแอ มีเหมือนกันที่ผู้บริหารปฏิเสธ ไม่อยากพบตลาด แสดงว่ามีอะไร ก็จะต้องให้ฝ่ายกำกับเข้ามาดูแลต่อ” นายสันติกล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,318
วันที่ 30 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว