SCI มาตามนัดลงทุนต่างประเทศ ปักหมุด‘เมียนมา’บาลานซ์รายได้ใน-นอก 50:50

02 ม.ค. 2559 | 09:00 น.
เอสซีไอ อีเลคตริค เดินตามแผนลงทุนต่างประเทศ กระจายความเสี่ยงธุรกิจ ล่าสุดบุกเมียนมา สร้างโรงานผลิตเสาส่งไฟฟ้า-สื่อสาร มูลค่ากว่า 576 ล้านบาท อนาคตหวังต่อยอดธุรกิจ อนาคตเป้ารายได้ใน-ต่างประเทศ สัดส่วนเท่ากัน 50% จากปัจจุบันพึ่งพาในประเทศ 65%

[caption id="attachment_23961" align="aligncenter" width="343"] เกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล เกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล[/caption]

นายเกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จำกัด (มหาชน) (SCI) ผู้ผลิตและจำหน่ายตู้สวิตช์บอร์ด รางเดินสายไฟ อุปกรณ์รองรับ ผลิตและจำหน่ายเสาไฟฟ้าแรงสูงและเสาสื่อสาร เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า บริษัทเดินหน้าขยายการลงทุนในต่างประเทศ ตามแผนที่ประกาศไว้ก่อนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเป็นการกระจายฐานที่มาของรายได้และกระจายความเสี่ยงธุรกิจ ลดการพึ่งพารายได้จากภายในประเทศเพียงอย่างเดียว

ล่าสุดมีความคืบหน้าการลงทุนในประเทศเมียนมา หลังที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศเมียนมา เพื่อลงทุนประกอบธุรกิจโรงงานผลิตเสาส่งแรงสูงและเสาสื่อสารโทรคมนาคมและชุบกัลวาไนซ์ เพื่อจำหน่ายและบริการในพม่า มูลค่าการลงทุนประมาณ 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 576 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจากับพันธมิตรที่จะมาร่วมลงทุน โดยคาดว่าจะเริ่มเข้าลงทุนได้ในเดือนมกราคม 2559

ด้านโครงสร้างรายได้SCI ปัจจุบันมาจากในประเทศคิดเป็นสัดส่วน 65% และรายได้จากต่างประเทศในสัดส่วน 35% คาดว่าในอนาคตหลังสร้างโรงงานในเมียนมาเสร็จและขยายการลงทุนในลาว จะทำให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศและในประเทศจะอยู่ในอยู่ในสัดส่วน 50:50 ซึ่งจะทำให้การเติบโตของธุรกิจมีความแข็งแกร่งและยั่งยืน

นายเกรียงไกร กล่าวว่า การลงทุนสร้างโรงงานในเมียนมาครั้งนี้ ในอนาคตยังเป็นการต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทในเมียนมา ที่นอกเหนือจากการไปลงทุนสร้างโรงงานผลิตเสาส่งแรงสูงและเสาสื่อสารโทรคมนาคมและชุบกัลวาไนซ์ โดยเงินที่ใช้ในการลงทุนในครั้งนี้มาจากเงินที่รับจากการขายหุ้นไอพีโอ และส่วนหนึ่งมาจากการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน เป็นเงินกู้ยืมระยะยาว 5-7 ปี

สำหรับการจัดตั้งโรงงานในเมียนมา อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตในการบริษัทย่อย ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 120 วัน และใช้เวลาในการก่อสร้างโรงงานอีกประมาณ 18 เดือน โดยโรงงานดังกล่าวมีขนาดกำลังการผลิต 7,500 ตัน/ปี และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงงานในเมียนมา ในปี 2561 หลังเริ่มเดินเครื่องการผลิต

SCI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 13 ตุลาคม 2558 ด้วยราคาเสนอขายหุ้นละ 5.90 บาท มีจำนวนหุ้นไอพีโอทั้งสิ้น 187.50 ล้านหุ้น เงินที่ได้จากการระดมทุน นำไปคืนหนี้เงินกู้สถาบันการเงิน เป็นเงินทุนหมุนเวียนในโครงการปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้า (PDSR) เฟส 2 ในลาว นอกจากนี้นำเงินไปลงทุนในโรงงานผลิตเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาโทรคมนาคมในเมียนมา และลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ร่วมกับพันธมิตร โดย SCI จะเข้าถือหุ้นในสัดส่วนไม่เกิน 30%

ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/58 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 มีกำไรสุทธิ 46.66 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.08 บาทต่อหุ้น ลดลง 63% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 127.19 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.77 บาทต่อหุ้น

ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 189.73 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.45 บาทต่อหุ้น ลดลง 7.93% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 206.09 ล้านบาท หรือมีกำไรต่อสุทธิ 1.25 บาทต่อหุ้น ผลการดำเนินงานที่มีกำไรลดลง เนื่องจากมีรายได้จากการขายและบริการลดลง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,117 วันที่ 27 - 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558