ออมสินพาสุดยอดSMEs Startupเรียนรู้สตาร์ทอัพญี่ปุ่น

27 พ.ย. 2560 | 07:35 น.
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ภายหลังการตัดสินโครงการประกวด GSB สุดยอด SMEs Startup ตัวจริง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ทำได้เลย ทำได้เร็ว ทำได้จริง” ธนาคารออมสินได้พา 10 ทีมสุดท้ายร่วมโปรแกรม Outing Startup เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นต้นเดือน พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นผู้ประกอบการในอนาคต โดยจัดตารางดูงานที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ ทั้งในด้านความทันสมัยทางเทคโนโลยี ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ รวมไปถึงการพัฒนาช่องทางจำหน่ายสินค้า

นอกจากนั้น ยังได้รับเกียรติจาก นายบรรสาน บุนนาค เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เปิดสถานทูตให้การต้อนรับ พร้อมทั้งให้รายละเอียดนโยบายพัฒนา SMEs StartUp ท้องถิ่นของประเทศญี่ปุ่น ที่เรียกว่า Cool Japan ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2545 และนโยบาย Smart City อย่างมีประสิทธิภาพ

ทีม SHIPPOP-1 โปรแกรม Outing Startup การดูงานประเทศญี่ปุ่น โครงการประกวด GSB สุดยอด SMEs Startup ตัวจริง ประกอบด้วย การดูงาน“พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีอันทันสมัย TEPIA” โดยAssociation for Technological Excellence Promoting Innovative Advances (สมาคมส่งเสริมความก้าวหน้าทางเ ทคโนโลยีอันทันสมัย) ดูงาน“ชุมชน Biwa Club”ซึ่งเป็น Road Station โดดเด่นเรื่องแนวคิดการพัฒนาช่องทางจำหน่ายสินค้า ได้รับรางวัลกรังด์ปรีซ์ ปี 2543 ให้เป็นศูนย์บริการ ริมทางดีเด่นที่สุดในญี่ปุ่น ดูงาน Antenna Shop (OTOP) ร้านค้าซึ่งรวมผลิตภัณฑ์เด่นจาก ทุกตำบลหรือจังหวัดต่างๆ หรือเรียกว่าร้าน 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ และดูงาน SMRJ Incubation Centre หน่วยงานการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลของญี่ปุ่น SMRJ (The Organization for Small & Medium Enterprises and Regional Innovation, JAPAN) องค์กรอิสระภายใต้ METI เกิดจากการรวมตัวระหว่างภาครัฐและเอกชน สถาบันการเงิน สถาบันวิจัยต่างๆ จัดตั้งศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ (Incubation Centre) เพื่อเปิดกว้างให้ผู้ที่สนใจเข้ามาทำวิจัยร่วมกันและพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด รวมถึงดูงานศูนย์ส่งเสริมอุตสาห กรรม (Industrial Promotion Centre: IPC) หน่วยงานที่มีบทบาทส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม(คล้าย SMRJ ต่างกันที่ IPC เป็นการสนับสนุนระดับจังหวัด ขณะที่ SMRJ สนับสนุนระดับประเทศ)

นักธุรกิจสายพันธุ์ใหม่ ชี้ดูงานญี่ปุ่นได้ประโยชน์-เตรียมต่อยอดขยายงาน

ทีม Fresh Water Shrimp Farm Ecosystem-1 ทีมที่ได้รางวัลชนะเลิศ ได้รับเงินทุนประเดิม 1,000,000 บาท คือ ทีม SHIPPOP แผนธุรกิจ คือ จัดทำเว็บไซต์ www.shippop.com เป็นระบบจองขนส่งออนไลน์ เปรียบเทียบราคาขนส่ง ชำระค่าขนส่งออนไลน์ สร้างใบปะหน้าพัสดุ และติดตามพัสดุได้จากระบบในที่เ ดียว ทำให้การจัดส่งพัสดุรวดเร็วและส ะดวกขึ้น เพราะมีช่องบริการ Drop-off ที่ไปรษณีย์ทำให้ไม่ต้องเข้าคิว ซึ่งยังมีบริการรับพัสดุถึงบ้าน ช่วยให้การจัดส่งพัสดุง่าย สะดวก และเป็นระบบมากยิ่งขึ้น สามารถลดเวลาในการจัดส่งพัสดุได้ ถึง 60% และต้นทุนการจัดส่งพัสดุ 30%

นายสุทธิเกียรติ จันทรชัยโรจน์ จากทีม SHIPPOP กล่าวว่า เราเป็นบริษัทแรกในประเทศที่รวบรวมขนส่งไว้ในเว็บไซต์เดียว มีระบบการเชื่อมต่อที่ง่ายเพียง เชื่อมต่อ API ที่เดียวสามารถเข้าถึงทุกผู้ให้ บริการขนส่ง เชื่อมต่อกับ E-commerce Platform มากที่สุดในประเทศ ให้บริการลูกค้าทุกอย่างฟรี ขณะนี้มีการขยายตลาดโดยจอยท์เวนเจอร์กับประเทศมาเลเซีย และ สิงคโปร์ และแผนงานในปีหน้าจะขยายตลาดไปกัมพูชา เวียดนาม เรามีเป้าหมายที่จะเป็นที่ 1 ของอาเซียนในธุรกิจนี้ สำหรับการไปดูงานที่ญี่ปุ่นนับเป็นโอกาสดีที่ได้รับจากธนาคารออมสิน และยังเป็นการเพิ่มช่องธุรกิจให้ กับบริษัทที่จะขยายตลาดไปประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย”

ทีม จับจ่าย ฟอร์ สคูล-1 รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับเงินทุนประเดิม 500,000 บาท ทีม Fresh Water Shrimp Farm Ecosystem โมเดลธุรกิจ คือ ระบบกระชังเลี้ยงกุ้งและบำบัดน้ำแบบประหยัดพลังงาน ออกแบบ พัฒนา ติดตั้ง ติดตามและบำรุงรักษา ระบบกระชังเลี้ยงกุ้งและบำบัดน้ำแบบประหยัดพลังงาน ด้วยเทคโนโลยีเดียวกับระบบบำบัด น้ำเสียในโรงงานอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า ซึ่งผ่านการทดลองเป็นผลสำเร็จแล้ว มีกลุ่มเป้าหมายคือ บ่อกุ้งเลี้ยงแบบธรรมชาติ

นางสาวนาฏอนงค์ วิมุกตะนันทน์ ทีม Fresh Water Shrimp Farm Ecosystemกล่าวว่า ได้นำเงินทุนประเดิมไปทำ prototype  ระบบและอุปกรณ์ทดลองการเก็บค่าน้ำ และขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการส ร้างกระชังที่บ่อกุ้งที่ ต.คลองโคน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ในพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ของเกษตรกรที่ได้เจรจาร่วมโครงการ ซึ่งจะมีเวลาในการทดสอบ 2 cycleหรือประมาณ 8 เดือน เพื่อนำผลที่ได้รับไปใช้สำหรับขยายโครงการต่อไป

รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับเงินทุนประเดิม 200,000 บาท ทีม “จับจ่าย ฟอร์ สคูล” โมเดลธุรกิจ คือระบบการจัดการที่ช่วยแก้ปัญห าของระบบการศึกษาไทยได้อย่างตรงจุดและครอบคลุม ลดภาระการทำงานของครู เพื่อให้มีเวลาไปเพิ่มศักยภาพการสอนให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงผู้บริหารสามารถดูสถิติภาพรวมของโรงเรียนได้เพื่อใช้เป็น ข้อมูลในการพัฒนาโรงเรียน และยังเชื่อมต่อให้ผู้ปกครองติด ตามความเคลื่อนไหวต่างๆ ของบุตรหลาน รวมถึงติดตามข่าวสารต่างๆ ของโรงเรียน ทำให้สังคมของโรงเรียน ผู้ปกครอง และนักเรียนมีความใกล้ชิดกันมาก ยิ่งขึ้น ด้วยการแจ้งเตือนต่างๆ ผ่าน Mobile Application

นายนรินทร์ คูรานา เจ้าของระบบจับจ่าย ฟอร์ สคูล กล่าวว่า“เราเป็นระบบเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการสนับสนุนจาก Microsoft Azure จึงมั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัยและความเสถียร อีกทั้ง ณ ปัจจุบันยังมีโรงเรียนต้นแบบทั่วทุกภาคของประเทศไทย โดยระบบได้รับการพิสูจน์แล้วว่า สามารถลดการทำงานของครูได้มากกว่ า 200% และผู้ปกครองสามารถทราบความคืบหน้าของบุตรหลานได้แบบ Real Time ในอนาคตตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจำ นวนโรงเรียนเข้าระบบให้มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ”