เงินบาทขยับแข็งค่า 32.66 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังเงินดอลลาร์ถูกกดดันจากปฎิรูปภาษี-เงินเฟ้อ
เงินบาทขยับแข็งค่า 32.66 บาทต่อดอลลาร์ฯ ตามค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เหตุความกังวลอัตราเงินเฟ้อ การปฎิรูปภาษี-ปัญหาการเมือง จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญตลอดสัปดาห์ มองกรอบเคลื่อนไหว 32.59-32.79 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ระบุว่าค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.66 บาทต่อดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นจาก 32.68 บาทต่อดอลลาร์ฯ ณ สิ้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลดลงและแกว่งตัวใกล้ระดับ 92.70 จุด หลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมการผลิตและบริการสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนแตะระดับ 53.8 จุดและ54.7 จุด (มากกว่า 50จุด หมายถึงการขยายตัว) บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ นั้นเริ่มมีการชะลอตัว นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10ปี หลังรายงานการประชุมเฟด บ่งชี้ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดยังคงมีความกังวลต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ
สำหรับสัปดาห์นี้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าสนใจดังนี้ เริ่มจากวันวันพุธ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 จะสามารถขยายตัวได้ถึง 3.1% จากไตรมาสก่อน ซึ่งยังคงหนุนโดย การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนของภาคธุรกิจที่ยังคงขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง วันพฤหัสบดี ตลาดจะให้ความสนใจกับยอดการใช้จ่ายส่วนบุคคลของสหรัฐฯ (Personal Spending MoM)ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อน สะท้อนว่าการบริโภคภาคเอกชนจะยังคงหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ต่อ
นอกจากนี้ นักลงทุนและนักค้าค่าเงินจะจับตารายงานอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานสหรัฐฯ (Core PCE YoY) ซึ่งเป็นดัชนีที่เฟดใช้ประกอบการตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงิน โดยถ้าหากตัวเลขดังกล่าวออกมาสูงกว่าที่ตลาดมองไว้ที่ 1.3% จะส่งผลให้ตลาดเริ่มเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อในสหรัฐฯ จะสามารถปรับตัวขึ้นเข้าใกล้เป้าของเฟดที่ 2% ได้ และในวันศุกร์ ตลาดจะจับตาตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมสหรัฐฯ โดย ISM ซึ่งถ้าหากตัวเลขดังกล่าวออกมาดีเกินคาด จะสะท้อนถึงการขยายตัวที่ดีของภาคการผลิตในสหรัฐฯ
มองเงินบาทมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในช่วงกรอบ 32.59-32.79 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยถ้าหาก ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีเกินคาด จะส่งผลให้ ดอลลาร์ทรงตัวอยู่ในระดับเดิมได้ ทว่า นักลงทุนจะต้องระมัดระวัง ความผันผวนของค่าเงินที่จะเกิดขึ้น จากข่าวความคืบหน้าการผลักดันกฎหมายปฏิรูปภาษี ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าวุฒิสภาจะเริ่มมีการลงคะแนนโหวตในสัปดาห์หน้า อนึ่งการสืบสวนคดีแทรกแซงการเลือกตั้งรัสเซียโดยทีมงานของนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ที่เริ่มเข้มข้นขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อการพิจารณากฏหมายปฏิรูปภาษีสหรัฐฯ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์ยังมีโอกาสอ่อนค่าต่อได้ นอกจากนี้ ค่าเงินบาทยังมีโอกาสที่จะแข็งค่าได้ต่อ หลังนักลงทุนต่างชาติยังคงเข้ามาซื้อสะสมบอนด์ไทย (ส่วนมากเป็นบอนด์ระยะสั้น อายุน้อยกว่า 1ปี) อย่างไรก็ดี ค่าเงินบาทจะไม่แข็งค่าอย่างรวดเร็วเนื่องจากยังคงมีคำสั่งซื้อดอลลาร์จากผู้นำเข้าในช่วงปลายเดือนช่วยพยุงค่าเงินบาทไว้
มองเงินบาทในวันนี้มีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในช่วงกรอบ 32.63-32.73 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ระบุว่าค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.66 บาทต่อดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นจาก 32.68 บาทต่อดอลลาร์ฯ ณ สิ้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลดลงและแกว่งตัวใกล้ระดับ 92.70 จุด หลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมการผลิตและบริการสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนแตะระดับ 53.8 จุดและ54.7 จุด (มากกว่า 50จุด หมายถึงการขยายตัว) บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ นั้นเริ่มมีการชะลอตัว นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10ปี หลังรายงานการประชุมเฟด บ่งชี้ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดยังคงมีความกังวลต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ
นอกจากนี้ นักลงทุนและนักค้าค่าเงินจะจับตารายงานอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานสหรัฐฯ (Core PCE YoY) ซึ่งเป็นดัชนีที่เฟดใช้ประกอบการตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงิน โดยถ้าหากตัวเลขดังกล่าวออกมาสูงกว่าที่ตลาดมองไว้ที่ 1.3% จะส่งผลให้ตลาดเริ่มเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อในสหรัฐฯ จะสามารถปรับตัวขึ้นเข้าใกล้เป้าของเฟดที่ 2% ได้ และในวันศุกร์ ตลาดจะจับตาตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมสหรัฐฯ โดย ISM ซึ่งถ้าหากตัวเลขดังกล่าวออกมาดีเกินคาด จะสะท้อนถึงการขยายตัวที่ดีของภาคการผลิตในสหรัฐฯ
มองเงินบาทมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในช่วงกรอบ 32.59-32.79 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยถ้าหาก ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีเกินคาด จะส่งผลให้ ดอลลาร์ทรงตัวอยู่ในระดับเดิมได้ ทว่า นักลงทุนจะต้องระมัดระวัง ความผันผวนของค่าเงินที่จะเกิดขึ้น จากข่าวความคืบหน้าการผลักดันกฎหมายปฏิรูปภาษี ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าวุฒิสภาจะเริ่มมีการลงคะแนนโหวตในสัปดาห์หน้า อนึ่งการสืบสวนคดีแทรกแซงการเลือกตั้งรัสเซียโดยทีมงานของนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ที่เริ่มเข้มข้นขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อการพิจารณากฏหมายปฏิรูปภาษีสหรัฐฯ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์ยังมีโอกาสอ่อนค่าต่อได้ นอกจากนี้ ค่าเงินบาทยังมีโอกาสที่จะแข็งค่าได้ต่อ หลังนักลงทุนต่างชาติยังคงเข้ามาซื้อสะสมบอนด์ไทย (ส่วนมากเป็นบอนด์ระยะสั้น อายุน้อยกว่า 1ปี) อย่างไรก็ดี ค่าเงินบาทจะไม่แข็งค่าอย่างรวดเร็วเนื่องจากยังคงมีคำสั่งซื้อดอลลาร์จากผู้นำเข้าในช่วงปลายเดือนช่วยพยุงค่าเงินบาทไว้
มองเงินบาทในวันนี้มีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในช่วงกรอบ 32.63-32.73 บาทต่อดอลลาร์ฯ
