บิ๊กเนมขานรับ Digital Disruption ชู “O2O” กลยุทธ์ออมนิแชนเนล ผนึกออนไลน์-ออฟไลน์ เชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อ ดึงจุดแข็งที่มี ปิดจุดอ่อนที่เกิด ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคหัวเลี้ยวหัวต่อของการก้าวเข้าสู่ IoT
ขณะที่ ผู้ประกอบการไทยต่างพาเหรดเข้าสู่ธุรกิจ ‘อี-คอมเมิร์ซ’ เพราะเชื่อว่า เป็นโอกาสในการขยายธุรกิจและทำเงิน โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ห้างร้านต่างเร่งปรับตัว เพื่อให้ทันการเปลี่ยนแปลง การผสมผสานรากลึกที่มีอยู่ หรือที่เรียกว่า ‘ออฟไลน์’ ให้เข้ากับโลกยุคใหม่ ที่เรียกว่า ‘ออนไลน์’ จนกลายเป็น ‘ออมนิแชนเนล’ จึงเกิดขึ้น
วันนี้กลยุทธ์ ‘O2O’ จึงถูกจับตามอง เพราะเชื่อว่า จะตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการก้าวสู่ยุค IoT
‘O2O’ ไม่ใช่เรื่องใหม่ในโลกธุรกิจ เพราะแบรนด์ดังระดับโลกต่างเดินบนเส้นทางนี้ ไม่ว่าจะเป็น Amazon อี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ของโลก วันนี้ก็มี ‘Amazon Go’ ร้านสะดวกซื้อ ที่เพียงเปิดแอพก็สามารถหยิบสินค้าในร้านออกไปได้ทันที โดยไม่ต้องชำระเงิน เพราะระบบจะตัดเงินจากบัญชีโดยอัตโนมัติ และไม่ใช่เฉพาะในประเทศแถบยุโรปเท่านั้นที่นิยม ในประเทศจีนก็มีการนำโมเดล O2O ไปใช้ โดย Alibaba ที่ให้ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าจากเว็บ อี-คอมเมิร์ซ และมารับสินค้าที่ร้านสะดวกซื้อที่กระจายนับหมื่นแห่ง และยังใช้ร้านดังกล่าวเป็นจุดให้บริการชำระเงิน สินเชื่อ รวมถึงเปลี่ยนสินค้าได้ด้วย
สำหรับในเมืองไทยแล้ว นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล กล่าวแสดงความคิดเห็นกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า
การทำตลาดในปัจจุบัน ต้องหลอมรวมออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ เป็นสิ่งจำเป็นในทุก ๆ ธุรกิจ ไม่ใช่เฉพาะธุรกิจค้าปลีกเท่านั้น
“ธุรกิจที่เน้นอินโนเวชัน ก็ต้องสนใจเรื่องของออฟไลน์ ส่วนธุรกิจออฟไลน์ ก็ต้องก้าวให้ทันกับการเข้ามาของเทคโนโลยีที่มาเร็วและแรง โดยเฉพาะในยุค Digital Disruption จะก้าวให้ทันตลอดเวลาก็ต้องใช้เงินลงทุนสูง ดังนั้น
การผสมผสานกับสิ่งที่มีอยู่และเป็นจุดแข็ง อย่าง ออฟไลน์ จึงมีความสำคัญมาก ทุกวันนี้หลายธุรกิจเลือกออมนิแชนเนลมาเป็นกลยุทธ์ในการสื่อสารและขับเคลื่อน ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”
[caption id="attachment_18550" align="aligncenter" width="334"]
ชำนาญ เมธปรีชากุล[/caption]
เช่นเดียวกับ นายชำนาญ เมธปรีชากุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ที่กล่าวว่า “
วันนี้เป็นการผนึกรวม Online กับ Offline เข้าด้วยกัน และต้องทำให้เชื่อมกันแบบไร้รอยต่อ จนที่สุดแล้วเป็น No line ในอนาคต”
อย่างไรก็ดี การเข้ามาของ Digital ถือเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งในธุรกิจรีเทล ซึ่งผู้ประกอบการต้องรู้จักเตรียมแผนรองรับ โดย นายโลร็องต์ โปซ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด เอง ยอมรับว่า กลยุทธ์ออมนิแชนเนลมีบทบาทสำคัญ ที่ผ่านมาบริษัทพัฒนาระบบ O2O เพื่อให้เชื่อมกันแบบไร้รอยต่อ จนเป็นรูปธรรมและทดลองเปิดตัวบริการ Click & Collect เมื่อ 6 เดือนก่อน โดยลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าหรือหาข้อมูลได้ ทั้งที่สาขาหรือช็อปออนไลน์ รวมทั้งมีเครื่องมือมาช่วยในการหาข้อมูล เช่น Online Kiosk, Power Buy Click & Collect และ Power Buy Digital Signage ร้านเพาเวอร์บายโฉมใหม่ในรูปแบบดิจิตอล และในอนาคตพนักงานจะมีแท็บเลตเป็นเครื่องมือในการช่วยขาย พื้นที่ร้านก็จะมีขนาดเล็กลง และแน่นอนว่า การเข้ามาของโลกออนไลน์ ทำให้ต้องปรับคอนเซ็ปต์จากมีไว้เพื่อขาย เป็นมีไว้เพื่อแนะนำ ในฐานะกูรูผู้เชี่ยวชาญ
“ปีนี้ยอดขายผ่านออนไลน์จะมีสัดส่วนราว 5% แต่การผนึกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ทำให้เพาเวอร์บายมียอดขายเติบโตขึ้น 8% และในปีหน้า เชื่อว่า ยอดขายจะเติบโตขึ้น 10-15%”
ขณะที่ แบรนด์ร้านอาหารปิ้งย่างชื่อดัง อย่าง ‘บาร์บีคิวพลาซ่า’ ที่เน้นสร้างแบรนด์ผ่านคาแรกเตอร์ มาร์เก็ตติ้ง จนชื่อของ ‘บาร์บีกอน’ กระหึ่มติดปากนักชิม ก็ยังหันมารุกออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง พร้อมเชื่อมโยงการสื่อสารแบรนด์และการตลาดไปยังออฟไลน์
โดย น.ส.บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แบรนด์ ‘บาร์บีคิวพลาซ่า’ บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด กล่าวว่า นอกเหนือจากคาแรกเตอร์ มาร์เก็ตติ้ง แล้ว ออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง มีความสำคัญเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ช่องทางไลน์แอพพลิเคชัน เฟซบุ๊ก หรือ โซเชียลมีเดียต่าง ๆ
“บริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์เข้ากับออฟไลน์ โดยมีบาร์บีกอนเป็นสื่อกลางสำคัญในการเชื่อมโยงแบรนด์ไปสู่ลูกค้า ตัวอย่างที่เห็นชัด คือ การจับมือ Grab ที่มีความแข็งแกร่งด้านแอพพลิเคชันเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ นำเอารถที่ให้บริการของ Grab จำนวน 5 คัน มาตกแต่งด้วยสติกเกอร์ลวดลายบาร์บีกอนรอบคัน เพื่อจัดทำเป็นรถบาร์บีกอนฟลีต (Bar B Gon Fleet) ภายใต้คอนเซ็ปต์ Gon กลับ Grab”
และเพิ่มกิมมิก (Gimmick) ภายในรถด้วยของสะสมจากบาร์บีกอน เช่น ฮู้ดดี้ หมอน ตุ๊กตาบาร์บีกอน สายคาดเข็มขัดนิรภัย ฯลฯ ซึ่งพร็อพต่าง ๆ เหล่านี้ มีไว้ให้ผู้โดยสารถ่ายรูปเล่นขณะนั่งรถ เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนเมือง ที่ชอบเซลฟีถ่ายรูป ทำให้การเดินทางเต็มไปด้วยสีสันและความสนุก
[caption id="attachment_51410" align="aligncenter" width="312"]
พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด[/caption]
ด้าน พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด กล่าวว่า ได้ให้ความสำคัญกับการทำตลาดออนไลน์เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน อย่าง แคมเปญล่าสุด ได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ เรื่อง คุณหลวง 4.0 ที่ได้ เป๊ก ผลิตโชค มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์มาสก์หน้า กิฟฟารีน สเตย์-ซี 50 ที่มีการทำตลาดครบวงจร โดยเน้นไปที่การทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก ไลน์ และเกมออนไลน์ โดยเตรียมงบประมาณสำหรับแคมเปญดังกล่าว 40 ล้านบาท แบ่งเป็น งบประมาณในสื่อออนไลน์ 40% และออฟไลน์ 60%
“บริษัทพยายามจะบุกออนไลน์มาโดยตลอด และพยายามจะทำให้สมาชิกกิฟฟารีนได้ประโยชน์จากการตลาดออนไลน์มากขึ้น จากก่อนหน้านี้ ที่บริษัทมีการเปิดตัวแอพพลิเคชัน กิฟฟารีน เอ็กซ์เพิร์ท ที่เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกและผู้บริโภค รวมถึงการมีบริการเสริมต่าง ๆ ซึ่งพบว่า ที่ผ่านมายอดขายออนไลน์เติบโตถึง 300% แต่ยังมีมูลค่าสัดส่วนที่น้อย”
โดยที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดช่องทางการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งทางเฟซบุ๊ก ไลน์ และคอลล์เซ็นเตอร์ รวมถึงการสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ ที่สมาชิกและผู้บริโภคสามารถเลือกใช้บริการได้ตามต้องการ ซึ่งมีระบบการจัดส่งสินค้า ทั้งทางไปรษณีย์และรถจักรยานยนต์ นอกเหนือจากการซื้อสินค้าผ่านช่องทางสำนักงานสาขาที่มีอยู่ทั่วประเทศ กลยุทธ์ O2O ที่เริ่มระอุ วันนี้ไม่ใช่เป็นเพียงสีสัน แต่มีความสำคัญและเชื่อว่าจะเป็นเทรนด์ในอนาคต โดยเฉพาะในยุค IoT
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,317 วันที่ 26-29 พ.ย. 2560 หน้า 01-36