เจโทรพร้อมหนุน New Thailand

24 พ.ย. 2560 | 11:30 น.
นายฮิโรยูกิ อิชิเกะ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) สำนักงานใหญ่ ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยระหว่างเยือนประเทศไทยเพื่อร่วมงาน Invest Japan Symposium 2017 เมื่อเร็วๆนี้ว่า ภายหลังจากที่นำคณะนักธุรกิจชุดใหญ่จากประเทศญี่ปุ่นจำนวนกว่า 500 รายมายังประเทศไทยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยได้มีการเยี่ยมชมพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ด้วยนั้น ทำให้บริษัทเอกชนญี่ปุ่นจำนวนมากได้รู้จักและเข้าใจถึงศักยภาพของไทยภายใต้นโยบายประเทศไทย 4.0 ซึ่งจะเป็นนโยบายสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตเศรษฐกิจไทย หลายบริษัทซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่อยู่นอกเขตเมืองหลวงโตเกียว ได้ติดต่อมายังเจโทรสำนักงานใหญ่เพื่อขอให้จัดคณะมาไทยเพิ่มเติม และบางส่วนได้ขอคำแนะนำแบบเฉพาะเจาะจงจากเจโทรเพื่อนำข้อมูลเชิงลึกไปประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางที่ดีในการที่ทั้งสองประเทศจะเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งของไทยและญี่ปุ่นให้ก้าวหน้าไปด้วยกัน

jetro1

“ญี่ปุ่นพร้อมที่จะสนับสนุนนโยบายปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมของไทยไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ที่ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรม ญี่ปุ่นเองก็มีนโยบาย Society 5.0 ซึ่งมีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาสังคมด้วยนวัตกรรม ผมคิดว่าเป้าหมายของนโยบายทั้งสองอย่างนี้มีความคล้ายคลึงกัน คือการแก้ไขปัญหาสังคมและพัฒนาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น” ประธานเจโทรกล่าวต่อไปว่า ต้องการเห็นไทยพัฒนาสู่การเป็น New Thailand (ประเทศไทยยุคใหม่) ภายใต้นโยบาย 4.0 ซึ่งจะเกิดได้ด้วยการเป็นหุ้นส่วน (partnership) กับญี่ปุ่น สร้างความร่วมมือและร่วมลงทุนกัน ไม่ว่าจะเป็นการที่บริษัทญี่ปุ่นมาลงทุนในไทยหรือบริษัทไทยไปลงทุนในญี่ปุ่นก็ตาม

ในส่วนของความร่วมมือระหว่างเจโทรกับไทยในอนาคตนั้น มี 3 ประการด้วยกัน คือ 1) เจโทรพร้อมหนุนนโนบายประเทศไทย 4.0 ยกระดับและปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โดยในฐานะประธานเจโทร เขาได้รับการทาบทามจากดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้เป็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับการยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมของไทย 2) เจโทรพร้อมให้ความสนับสนุนบริษัทเอกชนไทยสู่ต่างประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างรายได้จากต่างแดน ซึ่งญี่ปุ่นเองก็เป็นตลาดต่างประเทศที่เอกชนไทยสามารถเข้าไปลงทุน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมบริการด้านการท่องเที่ยว อาหาร และอุตสาหกรรมไฮเทค และ 3)  เจโทรพร้อมส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน และ SMEsไทยให้ก้าวหน้าด้วยการนำนวัตกรรมเข้ามาช่วย โดยเร็วๆนี้เจโทรมีแผนจะทำโครงการนำล่องนำระบบไอทีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มผลผลิตให้กับฟาร์มกุ้งของไทย เป็นต้น

++แนะเอกชนไทยสร้างรายได้ในต่างแดน

ประธานเจโทรประเทศญี่ปุ่นกล่าวด้วยว่า การพัฒนาประเทศไทยเข้าสู่ยุคใหม่นั้น ผู้ประกอบการไทยถือเป็นกุญแจสำคัญอย่างยิ่ง โดยจะต้องปรับตัวและหาโอกาสเข้าไปแข่งขันในตลาดต่างประเทศ เช่นในประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศอื่นๆในเอเชีย หรือเข้าไปแข่งขันในระดับโลก “การปรับเปลี่ยนโครงสร้างไปสู่การเน้นการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ มีความจำเป็นอย่างมาก ซึ่งหากจะดูแนวโน้มการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศของไทย จะเห็นได้ว่าในปี 2559 ตัวเลขการลงทุนในต่างประเทศมีสูงกว่าการลงทุนภายในประเทศอยู่มาก กล่าวได้ว่า ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลงบทบาทไปสู่ประเทศที่ทำการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ ซึ่งนอกจากไทยแล้ว ประเทศอื่นๆในเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และจีน ก็ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจมาสู่รูปแบบนี้แล้ว”

สำหรับโอกาสการลงทุนในประเทศญี่ปุ่นของผู้ประกอบการไทยนั้น มี 3 สาขาอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มสดใส ได้แก่

1) อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เนื่องจากปีค.ศ. 2020 ญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิกและพาราลิมปิก จะทำให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม สายการบิน เว็บไซต์จองตั๋วเครื่องบิน หรือธุรกิจร้านอาหาร ก็จะมีโอกาสเติบโตมากตามไปด้วย

2) อุตสาหกรรมด้านการค้นคว้าวิจัย การคิดค้นเทคโนโลยี ซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศญี่ปุ่น ปีที่แล้ว (2559) บริษัท ฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่จากไต้หวัน ได้ซื้อกิจการบริษัท ชาร์ป (Sharp) ของญี่ปุ่น และเมื่อเร็วๆนี้ บริษัท ไฮเซ่นส์ อิเล็กทริค จากประเทศจีน ก็เพิ่งเข้าซื้อกิจการทีวีของบริษัท โตชิบา ทั้งนี้ การลงทุนเกี่ยวกับการค้นคว้าวิจัยและการคิดค้นเทคโนโลยีในประเทศญี่ปุ่น จะเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

3)อุตสาหกรรมอาหาร ผู้ประกอบการไทยมีความได้เปรียบในด้านนี้อยู่แล้ว ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นเองก็มีการใช้เทคโนโลยีในการผลิตและแปรรูปอาหาร ซึ่งทำให้สามารถส่งออกอาหารญี่ปุ่นไปขายและเป็นที่รู้จักทั่วโลก จึงน่าจะเป็นโอกาสอันดีถ้าผู้ประกอบการไทยจะร่วมมือกันกับบริษัทญี่ปุ่น ผลิตอาหารด้วยคุณภาพ Made in Japan และทำเป็นธุรกิจส่งออกอาหารจากประเทศญี่ปุ่น

++รถไฟคิวชูชิมลางอสังหาฯในไทย

jr1

ตัวอย่างโครงการร่วมลงทุนไทย-ญี่ปุ่นที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ และจะมีการเปิดตัวในเดือนธันวาคม 2560 คือ โครงการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยของ บริษัทรถไฟคิวชู (JR Kyushu) โดยนายโทชิฮิโกะ อะโอยากิ ประธานบริษัทรถไฟคิวชู เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวจะดำเนินการโดยบริษัทในเครือที่เข้ามาร่วมทุนกับพันธมิตรฝ่ายไทย ทำเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ในเขตกรุงเทพฯ เนื่องจากเล็งเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจ อีกทั้งบริษัทเองยังมีประสบการณ์ยาวนาน 30 ปีเกี่ยวกับการให้บริการรถไฟ การบริหารจัดการสถานีรถไฟและอาคารเชิงพาณิชย์หลากรูปแบบ

นอกจากนี้ ในอนาคตบริษัทยังอาจจะมีความร่วมมือกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดทำบริการเกี่ยวกับการเดินรถไฟเพื่อการท่องเที่ยว หรือความร่วมมืออื่นๆอย่างใดอย่างหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น บริษัทรถไฟคิวชูอาจเข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการจัดทำบริการรถไฟเพื่อการท่องเที่ยว การจัดกิจกรรมหรือเทศกาลส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรถไฟ ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญอย่างมาก