ชง'บิ๊กตู่'ตอกเสาเข็มรถไฟไทย-จีนเฟส1ดีเดย์ 21ธ.ค.นี้

24 พ.ย. 2560 | 11:13 น.
ชง 'บิ๊กตู่'ตอกเสาเข็มรถไฟไทย-จีนเฟส1ดีเดย์ 21ธ.ค.นี้ แบ่งประมูล 14 สัญญา รวมงบก่อสร้าง 1.25 แสนล้าน เล็งสร้างช่วงกรุงเทพฯ-อยุธยา หวังทยอยเปิดใช้บริการได้ก่อน

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังจากการประชุมหารือกับฝ่ายจีนว่าได้กำหนดวันเริ่มตอกเสาเข็มโครงการรถไฟไทย-จีน เฟส1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา มูลค่าโครงการ 1.79 แสนล้านบาท ช่วงที่ 1 กลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร ในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือว่าเป็นฤกษ์งามยามดี หลังจากนี้ตนจะนำกำหนดวันก่อสร้างเรียนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป

akom4

สำหรับขั้นตอนการออกแบบก่อสร้างโครงการดังกล่าวอีก 3 ช่วง ประกอบด้วย ช่วงที่ 2 ปากช่อง-คลองขนานจิตร ระยะทาง 11 กิโลเมตร ช่วงที่ 3 แก่งคอย-โคราช ระยะทาง 119.5 กิโลเมตร ช่วงที่ 4 แก่งคอย-บางซื่อ ระยะทาง 110 กิโลเมตรนั้น จะแบ่งสัญญาเพื่อร่างเอกสารประกวดราคา(ทีโออาร์)และเปิดประมูล รวม 14 สัญญา วงเงินก่อสร้างราว 1.25 แสนล้านบาท โดยจะจัดลำดับการออกแบบและก่อสร้างเพื่อทยอยเปิดใช้บริการเป็นช่วงๆ ไปคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างช่วงแรกก่อน ได้แก่ กรุงเทพ-อยุธยา คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 2-3 ปี ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมมีเป้าหมายเปิดประมูลสัญญาแรกช่วงเดือนมีนาคม 2561

ส่วนด้านสัญญาที่ 2.3 (งานระบบราง ระบบไฟฟ้า และเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากร) นั้น กระทรวงคมนาคมจะเร่งหารือรายละเอียดกับฝ่ายจีน เพื่อให้ได้ข้อสรุปภายในเดือนมีนาคม 2561 ทั้งเรื่องรายละเอียดตัวรถและวงเงิน เพื่อให้สอดคล้องกับการก่อสร้างต่อไป

ในส่วนการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมโดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) ทั้งนี้มั่นใจว่าจะผ่านความเห็นชอบอีไอเอเพื่อเริ่มก่อสร้างตามแผนที่วางไว้

akom

สำหรับการก่อสร้างช่วงที่ 2 (นครราชสีมา-หนองคาย)นั้น เพื่อให้เกิดความรวดเร็วทางฝ่ายไทยจะอาศัยประสบการณ์จากช่วงที่ 1 มาดำเนินการเอง ทั้งการศึกษาความเหมาะสม ความคุ้มค่าด้านการลงทุน การออกแบบรายละเอียดโครงสร้าง โดยฝ่ายจีนจะเป็นที่ปรึกษา ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการช่วงที่ 2 ได้ภายในปี 2561 อย่างไรก็ตามในส่วนของการศึกษาความเหมาะสมฯ นั้น ขณะนี้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ส่งให้จีนพิจารณาแล้ว เมื่อฝ่ายจีนส่งผลการศึกษากลับคืนให้ฝ่ายไทยก็จะเร่งเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาต่อไป

นายอาคม กล่าวอีกว่านอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติว่าในเดือนธันวาคมนี้ ฝ่ายจีนจะส่งคณะผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันรถไฟความเร็วสูงมาทำงานร่วมกับกระทรวงคมนาคม เพื่อจัดทำแผนถ่ายทอดเทคโนโลยี ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ 1.การส่งบุคลากรไปศึกษาตั้งแต่ระดับอาชีวศึกษา ถึงระดับอุดมศึกษา 2.การจัดหลักสูตรฝึกอบรมเทคนิควิศวกรรมรถไฟความเร็วสูง และ 3.การฝึกปฏิบัติจริง ทั้งการขับรถ และการบำรุงรักษา นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือการดำเนินการช่วงที่ 3 (หนองคาย-เวียงจันทน์)ซึ่งฝ่ายจีนรับไปดำเนินการศึกษา และออกแบบรายละเอียด โดยจะมีการหารือร่วมกัน 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย จีน และลาวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รถไฟความเร็วสูงของทั้ง 3 ประเทศเชื่อมต่อกันได้ตามแผนต่อไป

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว