กูรูมองหุ้นใกล้หมดรอบขาขึ้น ครึ่งหลังปี61ผันผวนดอกเบี้ย-น้ำมันขึ้น สภาพคล่องหด

26 พ.ย. 2560 | 03:04 น.
“ฟินโนมีนา” แนะจัดพอร์ตรับมือปีหน้า ชูตลาดหุ้นเกิดใหม่ -จีน-ยุโรป เศรษฐกิจฟื้น ราคาถูก ด้าน “หุ้นไทย” เดินหน้าทำนิวไฮ แนะครึ่งปีหลังทยอยลดนํ้าหนักลงทุนตราสารหนี้ตปท. กองอสังหาฯ รีท

นายเจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟินโนมีนา จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนในปี 2561 มองว่าอยู่ในช่วงปลายวัฏจักรของขาขึ้น หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง 9 ปี นับตั้งแต่ปี 2551 จึงมองตลาดมีโอกาสผันผวนและปรับฐานได้ในช่วงครึ่งปีหลัง เป็นผลจากสภาพคล่องในระบบจะลดลงจากการเริ่มทยอยปรับลดวงเงินคิวอีของธนาคารกลางยุโรปและการปรับลดงบดุลของสหรัฐฯ ตามทิศทางเศรษฐกิจฟื้นตัว แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นและราคานํ้ามันจะเริ่มปรับตัวขึ้น บริษัทจึงมองธีมการลงทุนในปี 2561 “สู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ หรือ Playing the extra time”

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2561 ยังฟื้นตัวต่อเนื่องแต่เงินเฟ้อคาดว่าไม่สูงมากโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแตะ 2% จากปัจจุบันอยู่ที่1.25% จึงมองตลาดหุ้นยังให้ผลตอบแทนที่ดี โดยแนะนำกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ซึ่งเอเชียมีการเติบโตที่สูง ตลาดหุ้นจีนเศรษฐกิจขยายตัว การบริโภคในประเทศยังเติบโต และราคาหุ้นจีนยังขึ้นไม่มากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ด้านตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว แนะนำตลาดหุ้นยุโรป ซึ่งเศรษฐกิจเพิ่งฟื้น

MP19-3317-A “หากมองเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมทั่วโลก มองว่ากลุ่มการเงินน่าสนใจได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขึ้น ทำให้ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มหนุนผลประกอบการ โดยมองธนาคารในยุโรปและญี่ปุ่นน่าสนใจรวมถึงกลุ่มที่ได้รับผลดีจากราคานํ้ามันเพิ่มขึ้นซึ่งแนะนำกองทุนที่ลงทุนตรงในหุ้นนํ้ามันพลังงาน”นายเจษฎา กล่าว

ส่วนตลาดหุ้นไทยยังมองทิศทางขาขึ้นและมีโอกาสทำระดับสูงสุดใหม่ในปีหน้า ตามทิศทางเศรษฐกิจขยายตัวและคาดว่ารัฐบาลอาจปรับเป้าหมายการเติบโตที่ระดับ4.5% จากการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็กต์และโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่จะเริ่มเบิกจ่ายงบเร็วขึ้น รวมถึงการพัฒนาโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC) เป็นธีมลงทุนในปีหน้ารวมทั้งหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจะทำให้ตลาดหุ้นตอบรับในเชิงบวก

“ช่วงครึ่งปีแรกภาพยังดีจึงแนะทยอยเพิ่มลงทุนในหุ้นสัดส่วน 70-80% พอครึ่งปีหลังเริ่มระมัดระวังและติดตามการขึ้นดอกเบี้ย จึงแนะเริ่มลดนํ้าหนักลงทุนกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภท Income เน้นสร้างกระแสรายได้ ความน่าสนใจจะลดลงเมื่อดอกเบี้ยขึ้นเนื่องจากกองทุนหลักบางกองที่กองทุนไทยไปลงทุนกู้ยืมเงินดอกเบี้ยตํ่าเพื่อไปหาผลตอบแทนสูงขึ้นจึงส่งผลให้กองทุนมีผลดำเนินงานที่ดี ขณะที่ดอกเบี้ยในไทยคาดว่าจะเริ่มขึ้น 1-2 ครั้งในครึ่งปีหลัง” นายเจษฎา กล่าว

บาร์ไลน์ฐาน อย่างไรก็ตามสัญญาณที่ต้องติดตาม หากเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เงินเฟ้อสูง อาจทำให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วหรือมากกว่าตลาดคาดการณ์ ประกอบกับสภาพคล่องที่ถูกดูดจากระบบ อาจทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง 10-20% แต่คงไม่ลงลึกเหมือนเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์หรือกรีซในช่วงที่ผ่านมา

ปัจจุบันบริษัทและบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) อินฟินิติ มีสินทรัพย์ภายใต้คำแนะนำการลงทุน (Asset Under Advisement) รวม 3,220 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากต้นปีอยู่ที่ 300 ล้านบาท โดยมีบัญชีลูกค้า 3,000รายส่วนปี 2561 ตั้งเป้าเติบโตอีก 5,000 ล้านบาท แตะ 8,000 ล้านบาท

“เม็ดเงิน 1,700 ล้านบาทของนักลงทุนลงทุนในโมเดล Global Absolute Return (GAR) ซึ่งลงทุนในกองทุนรวมหลายประเภทสินทรัพย์ทั่วโลก โดยตั้งเป้าหมายผลตอบแทน 8-10% ซึ่งเราจะคอยให้ข้อมูลและปรับพอร์ตนักลงทุนตลอด ซึ่งมากกว่า 95% ของนักลงทุนทำตามที่แนะนำ ปีนี้ได้ผลตอบแทน 12-13% และพอนักลงทุนเชื่อมั่นพบเงินไหลเข้าซื้อกองทุนผ่านเราเดือนละ 500 ล้านบาท ต่อเนื่องมาหลายเดือน” นายเจษฎา กล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,317 วันที่ 26 - 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว