หุ้นติดดาวปี61 รับเหมา-ค้าปลีก

25 พ.ย. 2560 | 08:03 น.
ต่างชาติขายหุ้นไทยเฉียด 1.5 หมื่นล้าน เดือนพ.ย. ชี้แนวโน้มปี 61 สดใส นักวิเคราะห์แนะนำหุ้นโรงแรมจากท่องเที่ยวบูม ค้าปลีกรับกำลังซื้อฮอตตามเศรษฐกิจ เงินบาทแข็งค่าต่อ เลี่ยงหุ้นส่งออกอาหารแช่แข็ง ด้านผลงาน บจ.ไตรมาส 3 กำไรสุทธิ 2 แสนล้าน เพิ่มจิ๊บจ๊อย

นับตั้งแต่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,700 จุด นักลงทุนต่างประเทศ ถือจังหวะในการขายทำกำไร โดยเฉพาะในเดือนพฤศจิกายน (1-20 ) สูงถึง 14,585 ล้านบาท แต่นักลงทุนรายย่อย ยังคงเชื่อมั่นในแนวโน้มตลาดในปีหน้า จึงมีแรงซื้อสุทธิกว่า 1 หมื่นล้านบาท

TP15-3316-2 นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.) กสิกรไทยฯคาดแนวโน้มเศรษฐกิจมีโอกาสเติบโตเกือบ 4% ในปีหน้า เกิดวัฏจักรการลงทุนของภาคเอกชน จึงแนะนำหุ้นนิคมอุตสาหกรรม อาทิ AMATA, WHA, TICON, JWD หุ้นรับเหมาก่อสร้าง STEC, CK, UNIQ, SYNTEC,PYLON และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เช่น BBL TISCO ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งที่กรอบ 32.20-32.30 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงต้นปี และมีโอกาสอ่อนตัวทดสอบ 34 บาทในช่วงสิ้นปี

นักวิเคราะห์บล.เอเซียพลัสฯ ประเมิน นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเพียงระยะสั้นเท่านั้น จึงควรมองหาหุ้นดีเข้าพอร์ต ฝ่ายวิจัย เลือกหุ้นเด่น ที่คาดว่ากำไรต่อหุ้นจะเติบโตสูงในไตรมาส 4/2560 เมื่อเปรียบเทียบกับไตร มาส 3 และไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา เพื่อหาโอกาสได้กำไรมาก กว่า 10% มีทั้งหมด 9 บริษัท เช่น บริษัทบ้านปูฯ (BANPU)

[caption id="attachment_133321" align="aligncenter" width="503"] ณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ไทยพาณิชย์ ณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ไทยพาณิชย์[/caption]

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ฯ หรือ SCBAM เปิดเผยว่าบริษัทยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย มองว่าในปีหน้าดัชนีมีโอกาสขึ้นไปแตะ 1,800 จุดได้โดยพื้นฐานของกำไรบริษัทจดทะเบียน(บจ.)จะเป็นตัวแปรผลักดันสำคัญ กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจลงทุน เป็นกลุ่มหุ้นขนาดกลางและเล็ก แจกปันผลและกำไรสูง 20-25%

“กำลังพิจารณาอาจจะปรับเพิ่มนํ้าหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน และโรงพยาบาล ส่วนกลุ่มส่งออกและบริโภครับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นภาครัฐและเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว ขณะที่หุ้นที่ยังไม่น่าสนใจ เช่น กลุ่มก่อสร้าง บางตัวยังรอการลงทุนภาครัฐ และกลุ่มแบงก์ บางตัวผลประกอบการยังไม่ดีขึ้น” นายณรงค์ศักดิ์กล่าว

[caption id="attachment_135949" align="aligncenter" width="503"] นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์[/caption]

นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่าธีมการลงทุนในช่วงปีหน้า หุ้นกลุ่ม Growth stock (หุ้นเติบโต) หุ้นเด่นที่น่าลงทุน ได้รับอานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ ของภาครัฐ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน และหุ้นกลุ่มอุปโภคและบริโภค เช่นหุ้นกลุ่มค้าปลีก กลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยว กลุ่มอาหาร กลุ่มสื่อสาร เป็น ต้น ซึ่งหุ้นกลุ่มดังกล่าวมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีมากในปีนี้

นางสาวจินตนา เมฆินทรางกูร ผู้อำนวยการ ตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2561 น่าจะเห็นดัชนี 1,800 จุด จากโครงการรัฐรอประมูลกว่า 5 แสนล้านบาท ขณะที่การท่องเที่ยว และส่งออกกลับมาขยายตัว กลุ่มหุ้นที่แนะนำได้แก่ รับเหมาก่อสร้าง และอุตสาหกรรมที่ต้องเพิ่มการลงทุนใหม่ในเร็วๆ นี้ คือ กลุ่มยานยนต์

[caption id="attachment_233967" align="aligncenter" width="348"] ดร. สันติ กีระนันทน์ ดร. สันติ กีระนันทน์[/caption]

นายสันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลัก ทรัพย์ ( SET) จำนวน 577 บริษัท คิดเป็น 93.82% จากทั้งหมด 615 บริษัท ในช่วง 9 เดือน ปี 2560 มียอดขายรวม 7,977,851 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% มีกำไรสุทธิ 707,776 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.74% บริษัทส่วนใหญ่มียอดขายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ จากราคานํ้ามันที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ บจ. มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 23.81% ลดลงเมื่อเทียบกับ 24.89% ของช่วงเดียวกันในปีก่อน

สำหรับในไตรมาส 3/2560 บจ. มียอดขายรวม 2,011,988 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.66% มีกำไรขั้นต้น 656,624 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.82% คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ 24.61% เมื่อเทียบกับ 23.91% อย่างไรก็ดี บจ. มีกำไรสุทธิ 207,703 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.03% เนื่องจาก บจ. ขนาดใหญ่ใน หมวดพลังงาน วัสดุก่อสร้าง หมวด สื่อและสิ่งพิมพ์มีค่าใช้จ่ายพิเศษเกิดขึ้น รวมถึงหมวดธุรกิจธนาคารและการเงิน มีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น

บาร์ไลน์ฐาน “ในช่วง 9 เดือนแรก เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลต่อยอดขายในไตรมาส 2 และ 3 และต่อความสามารถการทำกำไร โดยเฉพาะภาคการผลิตและภาคบริการ เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตและการขายสูงขึ้น อย่างไรก็ดี หมวดธุรกิจที่มียอดขายและกำไรสุทธิเติบโตได้ดี คือ ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ หมวดพาณิชย์ และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์” นายสันติ กล่าว

ด้าน บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 9 เดือนแรกปี 2560 มีกำไรสุทธิ 2,920 ล้านบาท ลดลง 34.37% และในไตรมาส 3/2560 มีกำไรสุทธิ 593 ล้านบาท ลดลง 56.81% และลดลง 22.08% จากไตรมาส 2/2560

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,316 วันที่ 23 - 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว