กระทุ้งSMEsบัญชีเดียว
ธปท.ถกสมาคมธนาคารไทย จูงใจเอสเอ็มอีทำมาตรฐานบัญชีเดียว ชูดอกเบี้ยพิเศษ-ลดค่าธรรมเนียม เชื่อช่วยยกระดับธุรกิจในอนาคต “กสิกรไทย” ชี้จับมือสำนักกฎหมาย-ภาษี สื่อสารถึงลูกค้าเตรียมพร้อมเข้าสู่มาตรฐานใหม่ มั่นใจช่วยพิจารณาสินเชื่อเร็ว-สอดคล้องกับธุรกิจ
กระทรวงการคลังออกมาตรการสนับสนุนให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ใช้บัญชีเดียวในการทำธุรกิจ โดยการออกประกาศยกเว้นการตรวจสอบภาษีย้อนหลังการยกเลิกเอาผิดทางอาญา และมีมาตรการลดภาษีมาตั้งแต่ต้นปี 2559 ขณะที่ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งก็ออกโปรโมชันดอกเบี้ยตํ่ามาจูงใจเพิ่มเติม ก่อนที่ปี 2562 ทางการกำหนดให้เอสเอ็มอีทุกรายที่กู้เงินจะต้องใช้บัญชีเดียว แต่ผลตอบรับยังไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนเอสเอ็มอีที่มีมากเกือบ 3 ล้านราย
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.อยู่ระหว่างหารือกับสมาคมธนาคารไทย (TBA) เพื่อหามาตรการจูงใจให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ทำมาตรฐานบัญชีเดียวที่จะกำหนดบังคับใช้ในปี 2562 ซึ่งหลายธนาคารเริ่มกระตุ้นและสื่อสารเรื่องนี้ให้กับลูกค้ามากขึ้น หลายแห่งกำลังมีแนวคิดให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ หรือลดอัตราค่าธรรมเนียมให้กับลูกค้าที่ทำบัญชีเดียว
อย่างไรก็ตามมาตรการที่ธนาคารนำเสนอขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร คงไม่ได้มีมาตรการกลางที่บังคับใช้เหมือนกัน เนื่องจากธนาคารแต่ละแห่งให้สินเชื่อที่ไม่เหมือนกัน กลุ่มลูกค้าแตกต่างกัน ความเสี่ยงแตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละธนาคาร
[caption id="attachment_15485" align="aligncenter" width="503"]
ดร.วิรไท สันติประภพ[/caption]
การทำมาตรฐานบัญชีเดียว ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สามารถยกระดับการทำธุรกิจให้กับเอสเอ็มอีได้ในอนาคต และแบงก์เองก็อยากทำ เพราะแบงก์มีต้นทุนในการพิสูจน์ลดลง หากแบงก์ไม่มั่นใจทางการเงินที่ให้กับลูกค้า ก็จะกลับมาเก็บค่าธรรมเนียมหรือดอกเบี้ยสูงขึ้น แต่หากเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ ก็จะลดต้นทุนการขอสินเชื่อได้”
นายพิภวัตว์ ภัทรนาวิก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสู่มาตรฐานบัญชีเดียวมาแล้ว 1-2 ปี โดยสื่อสารกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีผ่านการจัดสัมมนา และมีพันธมิตรเป็นสำนักกฎหมายและภาษีมาให้ความรู้เพื่อเตรียมตัวและวางแผนปรับงบการเงิน ซึ่งได้ผลตอบรับค่อนข้างดีจากลูกค้า โดยลูกค้าให้ความสนใจและพร้อมเข้าสู่บัญชีเดียว รวมถึงการส่งเสริมให้ลูกค้าบุคคลจัดตั้งหรือจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลโดยส่งเสริมผ่านการให้สินเชื่ออัตราพิเศษ เป็นต้น
ภายหลังจากธนาคารส่งเสริมการจัดทำบัญชีเดียวในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เริ่มเห็นสัญญาณผู้ประกอบการพร้อมเข้าสู่ระบบเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะรายย่อยที่เริ่มเห็นความพร้อมเข้าสู่ระบบ ส่วนรายใหญ่ทำเป็นปกติอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี ข้อดีของการทำมาตรฐานบัญชีเดียวจะช่วยให้ธนาคารสามารถพิจารณาสินเชื่อได้เร็วขึ้น และการเข้าถึงสินเชื่อของลูกค้าได้ตรงและเหมาะสมกับขนาดของธุรกิจ รวมถึงประเภทของธุรกิจ
“เราเตรียมตัวและคุยเรื่องนี้กับลูกค้ามานานแล้ว 1-2 ปี เราสื่อสารว่าข้อดีของการทำบัญชีเดียวในระยะยาว จะช่วยสะท้อนงบที่แท้จริง และลูกค้าจะได้วงเงินที่เหมาะสมกับธุรกิจ เพราะการทำบัญชีเดียวจะมีส่วนช่วยให้การพิจารณาสินเชื่อให้เร็วขึ้น และตรงกับวัตถุประสงค์มากยิ่งขึ้น และท้ายที่สุดต้นทุนการเงินจะลดลงทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งตอนนี้เราเห็นลูกค้าที่ยังไม่เริ่มก็เริ่มทำ และลูกค้าที่เริ่มทำก็มีความพร้อมเข้าสู่ระบบ เป็นเรื่องที่ดี”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,316 วันที่ 23 - 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
กระทรวงการคลังออกมาตรการสนับสนุนให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ใช้บัญชีเดียวในการทำธุรกิจ โดยการออกประกาศยกเว้นการตรวจสอบภาษีย้อนหลังการยกเลิกเอาผิดทางอาญา และมีมาตรการลดภาษีมาตั้งแต่ต้นปี 2559 ขณะที่ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งก็ออกโปรโมชันดอกเบี้ยตํ่ามาจูงใจเพิ่มเติม ก่อนที่ปี 2562 ทางการกำหนดให้เอสเอ็มอีทุกรายที่กู้เงินจะต้องใช้บัญชีเดียว แต่ผลตอบรับยังไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนเอสเอ็มอีที่มีมากเกือบ 3 ล้านราย
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.อยู่ระหว่างหารือกับสมาคมธนาคารไทย (TBA) เพื่อหามาตรการจูงใจให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ทำมาตรฐานบัญชีเดียวที่จะกำหนดบังคับใช้ในปี 2562 ซึ่งหลายธนาคารเริ่มกระตุ้นและสื่อสารเรื่องนี้ให้กับลูกค้ามากขึ้น หลายแห่งกำลังมีแนวคิดให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ หรือลดอัตราค่าธรรมเนียมให้กับลูกค้าที่ทำบัญชีเดียว
อย่างไรก็ตามมาตรการที่ธนาคารนำเสนอขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร คงไม่ได้มีมาตรการกลางที่บังคับใช้เหมือนกัน เนื่องจากธนาคารแต่ละแห่งให้สินเชื่อที่ไม่เหมือนกัน กลุ่มลูกค้าแตกต่างกัน ความเสี่ยงแตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละธนาคาร
[caption id="attachment_15485" align="aligncenter" width="503"]
การทำมาตรฐานบัญชีเดียว ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สามารถยกระดับการทำธุรกิจให้กับเอสเอ็มอีได้ในอนาคต และแบงก์เองก็อยากทำ เพราะแบงก์มีต้นทุนในการพิสูจน์ลดลง หากแบงก์ไม่มั่นใจทางการเงินที่ให้กับลูกค้า ก็จะกลับมาเก็บค่าธรรมเนียมหรือดอกเบี้ยสูงขึ้น แต่หากเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ ก็จะลดต้นทุนการขอสินเชื่อได้”
นายพิภวัตว์ ภัทรนาวิก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสู่มาตรฐานบัญชีเดียวมาแล้ว 1-2 ปี โดยสื่อสารกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีผ่านการจัดสัมมนา และมีพันธมิตรเป็นสำนักกฎหมายและภาษีมาให้ความรู้เพื่อเตรียมตัวและวางแผนปรับงบการเงิน ซึ่งได้ผลตอบรับค่อนข้างดีจากลูกค้า โดยลูกค้าให้ความสนใจและพร้อมเข้าสู่บัญชีเดียว รวมถึงการส่งเสริมให้ลูกค้าบุคคลจัดตั้งหรือจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลโดยส่งเสริมผ่านการให้สินเชื่ออัตราพิเศษ เป็นต้น
“เราเตรียมตัวและคุยเรื่องนี้กับลูกค้ามานานแล้ว 1-2 ปี เราสื่อสารว่าข้อดีของการทำบัญชีเดียวในระยะยาว จะช่วยสะท้อนงบที่แท้จริง และลูกค้าจะได้วงเงินที่เหมาะสมกับธุรกิจ เพราะการทำบัญชีเดียวจะมีส่วนช่วยให้การพิจารณาสินเชื่อให้เร็วขึ้น และตรงกับวัตถุประสงค์มากยิ่งขึ้น และท้ายที่สุดต้นทุนการเงินจะลดลงทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งตอนนี้เราเห็นลูกค้าที่ยังไม่เริ่มก็เริ่มทำ และลูกค้าที่เริ่มทำก็มีความพร้อมเข้าสู่ระบบ เป็นเรื่องที่ดี”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,316 วันที่ 23 - 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
