หุ้น PORT-THMUI เข้าเทรดตลาด mai ดีเดย์ 23 พ.ย.

22 พ.ย. 2560 | 11:15 น.
ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ รับหุ้น PORT ผู้ให้บริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ที่เป็นเอกชนรายใหญ่ เข้าซื้อขายพร้อม THMUI ผู้จัดจำหน่ายลวดสลิง และอุปกรณ์ยกหิ้วคุณภาพสูงรายใหญ่ในประเทศไท ดีเดย์ 23 พ.ย. นี้

[caption id="attachment_234286" align="aligncenter" width="360"] นายประพันธ์ เจริญประวัติ นายประพันธ์ เจริญประวัติ[/caption]

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ยินดีต้อนรับ บมจ. สหไทย เทอร์มินอล ผู้ให้บริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ที่เป็นเอกชนรายใหญ่ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มบริการ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “PORT” ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560

PORT ดำเนินธุรกิจให้บริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์สำหรับเรือขนส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ระหว่างประเทศ (feeder) และเรือขนส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ชายฝั่ง (barge) มีท่าเทียบเรือตั้งอยู่ที่ปู่เจ้าสมิงพราย จ. สมุทรปราการ ซึ่งเป็นทำเลที่สะดวกต่อการขนส่ง และให้บริการต่อเนื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับท่าเรือ ได้แก่ ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางบก บริการพื้นที่จัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์และคลังสินค้า บริการบรรจุสินค้าเข้า/ถ่ายสินค้าออกจากตู้คอนเทนเนอร์ รวมถึงการซ่อมแซมและทำความสะอาดตู้คอนเทนเนอร์ เป็นต้น

PORT มีทุนชำระแล้ว 230 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 340 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 120 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 13-16 พฤศจิกายน 2560 ในราคาหุ้นละ 4.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 540 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 2,070 ล้านบาท โดยมี บมจ. หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

ผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มรัตนศิริวิไล ถือหุ้น 35.66% กลุ่มครุจิตร ถือหุ้น 18.75% และกลุ่มจงยั่งยืนวงศ์ ถือหุ้น 4.08% การกำหนดราคาเสนอขาย IPO มาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของ ผู้ลงทุนสถาบัน (book building) ซึ่งกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 4.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 32.14 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิจากผลประกอบการ 4 ไตรมาสล่าสุด (1 กรกฎาคม 2559-30 มิถุนายน 2560) ซึ่งเท่ากับ 65.07 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.14 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทหลังหักภาษีและสำรองตามกฎหมายตามที่ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัท

วิทยุพลังงาน สำหรับบริษัท ไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น ผู้จัดหา และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลวดสลิงและอุปกรณ์เพื่อใช้สำหรับยกหิ้วที่มีคุณภาพรายใหญ่ในประเทศไทย เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มบริการ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “THMUI” ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560

THMUI ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายลวดสลิง สลิงผ้าใบ โซ่ และอุปกรณ์ยกหิ้วคุณภาพสูงจากผู้ผลิตชั้นนำจากหลากหลายประเทศ ภายใต้แบรนด์ อาทิ คิสไวร์ (Kiswire), ไบรดอน (Bridon), อูช่า (Usha) และครอสบี้ (Crosby) รวมทั้งมีบริการทดสอบแรงดึง ติดตั้งเครนและเปลี่ยนลวดสลิง มีบริษัทย่อยเป็นผู้ให้บริการติดตั้ง แนะนำการใช้งาน และตรวจสอบสภาพเครนและลวดสลิง โดยมีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ได้แก่ กลุ่มโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ กลุ่มอุตสาหกรรมท่าเรือ และกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง เป็นต้น

THMUI มีทุนชำระแล้ว 170 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 242.93 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 97.07 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 15-17 พฤศจิกายน 2560 ในราคาหุ้นละ 2.55 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 247.53 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 867 ล้านบาท มี บมจ. หลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

สำหรับผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวนายวีระพล ลีลาประชากุล ถือหุ้น 51.61% นางละออ ลีลาประชากุล ถือหุ้น 11.43% นางตวงหงส์ ลีลาประชากุล ถือหุ้น 2.86% และนางวิไล ปิ่นเกรียงไกร ถือหุ้น 2.86% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 23.18 เท่า คำนวณจากผลประกอบการ 4 ไตรมาสล่าสุด (1 ตุลาคม 2559-30 กันยายน 2560) ซึ่งเท่ากับ 38.43 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.11 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและสำรองตามกฎหมายตามที่ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัท โปรโมทแทรกอีบุ๊ก