โรบินสันชี้ทิศค้าปลีกสดใส ชูโมเดล ‘คอมแพ็กต์ไซซ์’ เจาะลูกค้ารากหญ้า
“โรบินสัน” ชี้แนวโน้มค้าปลีกไทยปีหน้าสดใส เปิดแผน 3 ปี ปูพรมครบ 55 แห่งทั่วประเทศ พร้อมเปิดโมเดลใหม่ “คอมแพ็กต์ไซซ์” เจาะลูกค้าแต่ละพื้นที่ หลังภาพรวม 3 ไตรมาสแรกตามเป้าหมายที่วางไว้
นายวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากเรื่องของสภาพเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มการขยายตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การบริโภคของกลุ่มลูกค้ามีการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเริ่มดีขึ้นอย่างชัดเจนในปีหน้า ซึ่งจากแนวโน้มดังกล่าวบริษัทมีแผนขยายสาขาให้ครบ 55 แห่งในช่วง 3 ปี นับจากนี้ (2561-2563) จากปัจจุบันที่มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 44 แห่ง และเพิ่มเป็น 46 แห่งในสิ้นปี โดยจะเน้นการขยายสาขาไปที่รูปแบบไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ซึ่งในปีหน้ามีแผนจะขยายเพิ่ม 4 แห่ง ซึ่งเป็นรูปแบบดีพาร์ตเมนต์สโตร์ 2 แห่ง และไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ 2 แห่ง โดยเบื้องต้นจะเปิดให้บริการรูปแบบไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ (สาขาขนาดกลาง) ในอมตะนคร จ.ชลบุรีก่อนจะขยายสาขาไปยังเขตพื้นที่ภาคอีสานอีก 1 แห่งในปีหน้า
[caption id="attachment_233990" align="aligncenter" width="335"]
วุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน)[/caption]
“ความท้าทายของดีพาร์ต เมนต์สโตร์ในเมืองไทยคือการมีฐานที่แข็งแกร่ง ทั้งในแง่ของซัพพลายเออร์ ระบบ ผู้ประกอบการ และรูปแบบการดำเนินงานเป็นระบบ ซึ่งแตกต่างจากธุรกิจดีพาร์ตเมนต์สโตร์ทั่วโลกที่ทยอยปิดตัวมากกว่าเปิดในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจากข้อดีดังกล่าวกลายมาเป็นโจทย์ใหญ่ของบริษัทนั้นคือทำอย่างไรให้โรบินสันสามารถเติบโตได้ในทุกสภาพการแข่งขัน และแน่นอนว่ากลยุทธ์ที่ออกมาไม่ว่าจะผลักดันด้านไหนโรบินสันก็ต้องเติบโตได้ดีในตลาดหลักอย่างไทย”
สำหรับรูปแบบที่บริษัทจะให้ความสำคัญในการขยายสาขาคือ รูปแบบไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ขนาดคอมแพ็ค (Compac size) ที่มีขนาดเล็กลงจากปกติ 15-18% (แต่ละขนาดขึ้นอยู่กับแต่ละฟอร์แมต) หรือคิดเป็นพื้นที่ราว 2.8 หมื่นตร.ม. แต่ยังคงรูปแบบและสินค้าที่มีอยู่ไว้เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ โดยแนวโน้มในอนาคตหากประสบความสำเร็จในสาขารูปแบบดังกล่าวก็จะทยอยขยายสาขาเข้าไปเจาะในแต่ละพื้นที่มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการขยายสาขาขึ้นอยู่กับศักยภาพและความต้องการของแต่ละพื้นที่ ซึ่งรูปแบบที่ขยายออกไปแต่ละฟอร์แมตมียอดลงทุนเฉลี่ย 800-1,000 ล้านบาท
ขณะที่การเข้าไปขยายตลาดของโรบินสันในเวียดนามนั้น บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนงานเดิมที่วางไว้ แต่อย่างไรก็ตามคงต้องรอดูความชัดเจนและผลการดำเนินงานอีกสักระยะก่อนที่จะสามารถตอบแผนงานที่ชัดเจนในอนาคตได้ เนื่องจากหลังจากที่บริษัทเข้าไปดำเนินธุรกิจในเวียดนามมาได้สักระยะนั้นพบว่ามีผู้ประกอบการหลายรายเริ่มถอดใจไปบ้างแล้วเนื่องจากรูปแบบการแข่งขันและพฤติกรรมผู้บริโภคที่ค่อนข้างแตกต่าง
อย่างไรก็ตามภาพรวมการเติบโตของบริษัทในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมามีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 4.2% มีกำไรสุทธิ เติบโต 19.8% ส่งผลให้ผลประกอบการรวมในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 1.3% และมีกำไรสุทธิโต 6.4% โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ คือ การเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้ค่าเช่า ทั้งจากสาขาเดิม และการขยายสาขาล่าสุดอย่างศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ เพชรบุรี ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2560 ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าในจังหวัดใกล้เคียง และนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี รวมทั้งการเดินหน้าปรับปรุงสาขา ในรูปแบบศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ 2 สาขา คือ สาขาสระบุรี และราชบุรี นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนกลุ่มสินค้า โดยการคัดสรรแบรนด์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของกลุ่มลูกค้าในปัจจุบัน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,316 วันที่ 23 - 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
นายวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากเรื่องของสภาพเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มการขยายตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การบริโภคของกลุ่มลูกค้ามีการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเริ่มดีขึ้นอย่างชัดเจนในปีหน้า ซึ่งจากแนวโน้มดังกล่าวบริษัทมีแผนขยายสาขาให้ครบ 55 แห่งในช่วง 3 ปี นับจากนี้ (2561-2563) จากปัจจุบันที่มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 44 แห่ง และเพิ่มเป็น 46 แห่งในสิ้นปี โดยจะเน้นการขยายสาขาไปที่รูปแบบไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ซึ่งในปีหน้ามีแผนจะขยายเพิ่ม 4 แห่ง ซึ่งเป็นรูปแบบดีพาร์ตเมนต์สโตร์ 2 แห่ง และไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ 2 แห่ง โดยเบื้องต้นจะเปิดให้บริการรูปแบบไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ (สาขาขนาดกลาง) ในอมตะนคร จ.ชลบุรีก่อนจะขยายสาขาไปยังเขตพื้นที่ภาคอีสานอีก 1 แห่งในปีหน้า
[caption id="attachment_233990" align="aligncenter" width="335"]
“ความท้าทายของดีพาร์ต เมนต์สโตร์ในเมืองไทยคือการมีฐานที่แข็งแกร่ง ทั้งในแง่ของซัพพลายเออร์ ระบบ ผู้ประกอบการ และรูปแบบการดำเนินงานเป็นระบบ ซึ่งแตกต่างจากธุรกิจดีพาร์ตเมนต์สโตร์ทั่วโลกที่ทยอยปิดตัวมากกว่าเปิดในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจากข้อดีดังกล่าวกลายมาเป็นโจทย์ใหญ่ของบริษัทนั้นคือทำอย่างไรให้โรบินสันสามารถเติบโตได้ในทุกสภาพการแข่งขัน และแน่นอนว่ากลยุทธ์ที่ออกมาไม่ว่าจะผลักดันด้านไหนโรบินสันก็ต้องเติบโตได้ดีในตลาดหลักอย่างไทย”
สำหรับรูปแบบที่บริษัทจะให้ความสำคัญในการขยายสาขาคือ รูปแบบไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ขนาดคอมแพ็ค (Compac size) ที่มีขนาดเล็กลงจากปกติ 15-18% (แต่ละขนาดขึ้นอยู่กับแต่ละฟอร์แมต) หรือคิดเป็นพื้นที่ราว 2.8 หมื่นตร.ม. แต่ยังคงรูปแบบและสินค้าที่มีอยู่ไว้เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ โดยแนวโน้มในอนาคตหากประสบความสำเร็จในสาขารูปแบบดังกล่าวก็จะทยอยขยายสาขาเข้าไปเจาะในแต่ละพื้นที่มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการขยายสาขาขึ้นอยู่กับศักยภาพและความต้องการของแต่ละพื้นที่ ซึ่งรูปแบบที่ขยายออกไปแต่ละฟอร์แมตมียอดลงทุนเฉลี่ย 800-1,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามภาพรวมการเติบโตของบริษัทในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมามีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 4.2% มีกำไรสุทธิ เติบโต 19.8% ส่งผลให้ผลประกอบการรวมในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 1.3% และมีกำไรสุทธิโต 6.4% โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ คือ การเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้ค่าเช่า ทั้งจากสาขาเดิม และการขยายสาขาล่าสุดอย่างศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ เพชรบุรี ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2560 ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าในจังหวัดใกล้เคียง และนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี รวมทั้งการเดินหน้าปรับปรุงสาขา ในรูปแบบศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ 2 สาขา คือ สาขาสระบุรี และราชบุรี นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนกลุ่มสินค้า โดยการคัดสรรแบรนด์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของกลุ่มลูกค้าในปัจจุบัน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,316 วันที่ 23 - 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
