ไทยอออยล์คาดราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้มีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง

20 พ.ย. 2560 | 07:45 น.
ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง หลังผู้ผลิตน้ำมันมีแนวโน้มขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมโอเปก 30 พ.ย.นี้

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 53-58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 60-65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

20-11-2560-14-39-0-001 แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (20 พ.ย. – 24 พ.ย.60)

ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากข่าวการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกก่อนการประชุมในวันที่ 30 พ.ย. นี้ ประกอบกับสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน ที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรง ซึ่งสร้างความกังวลต่อตลาดว่าอุปทานน้ำมันดิบจะตึงตัวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจากความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ภาพรวมอุปสงค์น้ำมันดิบโดยรวมในปี 2560 มีแนวโน้มขยายตัวได้ต่ำกว่าที่คาดไว้ สาเหตุหลักมาจากสภาพอากาศที่อบอุ่นขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้ความต้องการใช้เชื้อเพลิงปรับลดลง

วิทยุพลังงาน ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

 ตลาดยังคงจับตามองผลการประชุมระหว่างผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกในวันที่ 30 พ.ย. 60 ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เกี่ยวกับการหาข้อสรุปในการขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตให้ถึงสิ้นปี 2561 โดยการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกมีความเป็นไปได้มากขึ้น หลังจากยังไม่มีประเทศสมาชิกใดคัดค้านข้อตกลงนี้ นอกจากนั้น กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบในกลุ่มโอเปกคาดการณ์ว่าหากกลุ่มโอเปกคงกำลังการผลิตไว้เท่ากับเดือน ต.ค. 60 ที่ระดับ 32.59 ล้านบาร์เรล จะส่งผลให้อุปทานส่วนเกิน และปริมาณน้ำมันคงคลังของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วปรับตัวลดลงแตะระดับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ได้ภายในปี 2561

 สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าอุปทานน้ำมันดิบจะตึงตัวมากขึ้น จากเหตุการณ์การกวาดล้างคอรัปชั่นภายใต้การนำของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎหราชกุมารของซาอุดิอาระเบีย เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อความกังวลของนักลงทุนต่อเสถียรภาพทางการเมืองในซาอุฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง นอกจากนี้ ตลาดมีความกังวลต่อเหตุความไม่สงบในบาห์เรน ซึ่งเกิดจากความตึงเครียดระหว่างซาอุฯ และอิหร่านที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น โดยล่าสุด เกิดเหตุระเบิดระบบท่อสายส่งน้ำมันครั้งใหญ่ในบาห์เรนเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยมีการโยงไปที่อิหร่านว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

 ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการปรับขึ้นหลักๆ มาจากการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับจุดคุ้มทุนเฉลี่ยในการลงทุนผลิตน้ำมันจาก Shale oil นอกจากนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์กำลังการผลิตน้ำมันดิบจาก Shale oil ในเดือน ธ.ค. มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน โดยคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นราว 80,000 บาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 6.17 ล้านบาร์เรลต่อวัน

 ภาพรวมอุปสงค์น้ำมันในปี 2560 มีแนวโน้มขยายตัวได้ช้าลงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยล่าสุด สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับลดการคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันลงราว 100,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2560 ลงไปอยู่ที่ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยสาเหตุหลักมาจากสภาพอากาศที่อบอุ่นขึ้น ส่งผลกระทบให้ความต้องการใช้เชื้อเพลิงปรับลดลง

 ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน จำนวนผู้รับสวัสดิการว่างงาน ดัชนีภาคการผลิต (Markit PMI) สหรัฐฯ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีภาคการผลิต (Markit PMI) ยูโรโซน

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (13 พ.ย. - 17 พ.ย.60)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 0.19 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 56.55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลง 0.82 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 62.72 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 60.0 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากตลาดน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจาก จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับภาพรวมอุปสงค์น้ำมันดิบในอนาคต หลังจาก IEA ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันสำหรับปี 2560 และ 2561 อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบไม่ได้ปรับลดลงไปมานัก เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากความกังวลต่อตลาดว่าอุปทานน้ำมันดิบจะตึงตัวมากขึ้น จากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง และการคาดการณ์เกี่ยวกับการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกไปจนถึงสิ้นปี 2561 ที่มีความเป็นไปได้มากขึ้น

ที่มา : บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ.ไทยออยล์ อ๊ายยยขายของ-7-1