กูรูฟันธง"ปัญญาประดิษฐ์-IoT-หุ่นยนต์" จ่อแย่งงานมนุษย์
กูรูเทคโนโลยี ชี้โลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ธุรกิจใหม่แจ้งเกิดในยุคดิจิตอล ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคได้มากกว่า ขณะที่อาขีพบางอาชีพเสี่ยงตกงาน เทคโนโลยี” ปัญญาประดิษฐ์-IoT-หุ่นยนต์” เตรียมแย่งงานมนุษย์
ในงานมหกรรม IoT (INTERNET OF THINGS 2017) ที่จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ และสื่อในเครือสปริงนิวส์ กรุ๊ป กับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคม นาคมแห่งชาติ (กสทช.) วันที่ 19 พ.ย. 2560 ได้มีการจัดเสวนา ภายใต้หัวข้อ “IoT พลิกโฉมธุรกิจ” ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีหลากหลายมาร่วมแบ่งปันความรู้ให้กับผู้เข้าร่วมงาน
โดยนายอรพงศ์ เทียนเงิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดิจิทัล เวนเจอร์ ในกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า โลกเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นทำให้เกิดรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ อูเบอร์ สามารถให้บริการรถโดยสารสาธารณะ โดยไม่มีรถเป็นของตัวเอง
“โลกดิจิตอล ทำให้เกิดธุรกิจใหม่ ขณะที่ พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ทำให้เกิดธุรกิจโมเดลใหม่ๆ ใครคิดได้เร็ว ก็สามารถเริ่มต้นธุรกิจใหม่ได้อย่างรวดเร็ว”
สำหรับผลกระทบกับธุรกิจธนาคารภายหลังการเข้ามาของดิจิตอล นั้น วีแชท มีลูกค้าการเงินดิจิตอล 800 ล้านคน ขณะที่เทนเซนค์ เพิ่งเปิดบริการการเงินดิจิตอล เต็มรูปแบบ หรือ เพียวดิจิตอลแบงก์ ปล่อยเงินกู้โดยไม่ต้องค้ำประกัน ส่วนบริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ของอาลีบาบา หรือ อาลีบาบา วอลเล็ต มีการทำธุรกรรม หรือมีเม็ดเงิน สูงกว่าแบงก์ใหญ่ในจีน อาลีบาบา ไม่ใช่แบงก์ แต่คนใส่เงินลงในวอลเล็ตได้ดอกเบี้ย
“ทุกวันนี้แบงก์ไม่ใช่ทางเลือกแรกในชีวิต แต่กลายเป็นตัวเลือกสุดท้ายของชีวิต เห็นว่าอนาคตของแบงก์ไม่ยั่งยืนอีกต่อไป ธนาคารใหญ่จะอยู่ได้อย่างไรในโลกที่เปลี่นนแปลงรวดเร็ว แบงก์จะต้องทำอย่างไรให้ตัวเองกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต โดยเดิมคนเข้ามาปรึกษาเงินกู้ ฝากเงิน กับธนาคาร แต่วันนี้ภาพดังกล่าวค่อยๆ เริ่มหายไป สตารร์ทอัพเล็ก แต่มุ่งให้บริการการเงินดิจิตอลหรือ ไฟแนนเชียลเซอร์วิส เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้คนมีทางเลือกมากขึ้น ขณะที่ธนาคารใหญ่ เคลื่อนตัวช้า ไทยพาณิชย์ จึงได้จัดตั้งหน่วยงานดิจิตอลเวนเจอร์ มีโครงสร้าง มีคนตัวเอง โดยหน่วยงานใหม่ที่ตั้งขึ้นจะมองหานวัตกรรมและโอกาสธุรกิจใหม่ของธนาคาร”
นายอรพงศ์ กล่าวต่อไปว่า การเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทำให้คนหลายคนจะตกงาน ไม่ใช่เฉพาะคนกลาง งานที่มีรูปแบบงานโครงสร้างจะหายไป ด้วยความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI อาชีพ แพทย์ อาจถูกแย่งงานด้วยคอมพิวเตอร์ โดยคอมพิวเตอร์มีความสามารถมากขึ้นใกล้เคียงความสามารถมนุษย์
ด้าน น.พ. ภาณุฑัต เตชะเสน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมกเกอร์ เอเชีย จำกัด กล่าวว่า ดิจิตอลอยู่ในช่วงเริ่มต้น ยุคต่อไป คือการประยุกต์เทคโนโลยีกับชีวิตประจำวัน ในเรื่องสุขภาพ เดิมเวลาคนเจ็บไปหาแพทย์ แพทย์เจอผู้ป่วยในระยะเวลานาน แต่วันนี้มีเครื่องวัดสัญญาณชีพติดตัวผู้ป่วย สิ่งที่เกิดขึ้นดาต้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้กระบวนการรักษาใหม่เกิดขึ้น
จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้นในอนาคตผู้ป่วย ไม่ไปโรงพยาบาลเพื่อรักษา แต่จะรักษาสุขภาพตัวเองมากขึ้น โดยเทคโนโลยีทำให้บางอาชีพหายไป แต่เกิดอาขีพใหม่ เทรนเนอร์สุขภาพ ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ
ขณะที่ดร.ทรงพล องค์วัฒนกุล อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรม ชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ทุกวันนี้ เทคโนโลยีก้าวหน้า โดยใช้คนน้อยแต่ผลิตได้เพิ่มขึ้น เช่น การนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ระบบอัติโนมัติเข้ามาแทนมนุษย์ ขณะที่คนที่ทุนน้อยเข้ามาแต่มีองค์ความรู้ เข้ามาสตาร์ทอัพในโลกดิจิตอลได้
“เทคโนโลยีที่มีผลกระทบคือ ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI คำนี้ไม่ใช่คำใหม่ แต่ทุกวันนี้เราอยู่ในยุค AI มีบทบาท เดิมเราเขียนโปรแกรมตอบโจทย์ความต้องการ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยี AI มีคุณสมบัติ เรียนรู้ด้วยตัวเอง หรือ แมชีนเลิร์นนิ่ง เรียนรู้จากข้อมูล หรือ ดาต้าที่เกิดขึ้น โดยมี IoT เป็นตัวเก็บข้อมูล อย่างไรก็ตามสิ่งที่กังวล คือ IoT ที่แทรกซึมในขีวิตประจำวันของคน และไอโอทีส่งข้อมูลออกไปตลอดเวลา คือ ระบบความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว “
ส่วนนายจาริศร์ สิทธุ ผู้จัดการฝ่ายงานวิจัยตลาดไคลเอนด์ดีไวซ์ และหัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท ไอดีซี ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า องค์กรเกิดใหม่ทำได้ดี คือองค์กรที่มีเข้าใจความต้องการลูกค้า อูเบอร์เข้าใจลูกค้า ว่าลูกค้าต้องการอะไร ขณะที่องค์กรธุรกิจใหญ่ๆ หลายองค์กรไม่เข้าใจความต้องการลูกค้า
“องค์กรในยุคดิจิตอล ต้องมองการนำข้อมูล หรือ ดาต้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยหากมองในเชิงเศรษฐศาสตร์ ดาต้าเป็นปัจจัยการผลิต แต่สำหรับปัจจัยการผลิตอื่นอาจใช้แล้วหมดไป แต่ดาต้าไม่มีวันหมดอีกใช้แล้วยิ่งเพิ่มขึ้น ซึ่งธุรกิจจะต้องนำข้อมูลเหล่านี้มาสร้างให้เกิดประโยชน์”
ในงานมหกรรม IoT (INTERNET OF THINGS 2017) ที่จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ และสื่อในเครือสปริงนิวส์ กรุ๊ป กับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคม นาคมแห่งชาติ (กสทช.) วันที่ 19 พ.ย. 2560 ได้มีการจัดเสวนา ภายใต้หัวข้อ “IoT พลิกโฉมธุรกิจ” ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีหลากหลายมาร่วมแบ่งปันความรู้ให้กับผู้เข้าร่วมงาน
โดยนายอรพงศ์ เทียนเงิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดิจิทัล เวนเจอร์ ในกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า โลกเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นทำให้เกิดรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ อูเบอร์ สามารถให้บริการรถโดยสารสาธารณะ โดยไม่มีรถเป็นของตัวเอง
“โลกดิจิตอล ทำให้เกิดธุรกิจใหม่ ขณะที่ พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ทำให้เกิดธุรกิจโมเดลใหม่ๆ ใครคิดได้เร็ว ก็สามารถเริ่มต้นธุรกิจใหม่ได้อย่างรวดเร็ว”
สำหรับผลกระทบกับธุรกิจธนาคารภายหลังการเข้ามาของดิจิตอล นั้น วีแชท มีลูกค้าการเงินดิจิตอล 800 ล้านคน ขณะที่เทนเซนค์ เพิ่งเปิดบริการการเงินดิจิตอล เต็มรูปแบบ หรือ เพียวดิจิตอลแบงก์ ปล่อยเงินกู้โดยไม่ต้องค้ำประกัน ส่วนบริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ของอาลีบาบา หรือ อาลีบาบา วอลเล็ต มีการทำธุรกรรม หรือมีเม็ดเงิน สูงกว่าแบงก์ใหญ่ในจีน อาลีบาบา ไม่ใช่แบงก์ แต่คนใส่เงินลงในวอลเล็ตได้ดอกเบี้ย
“ทุกวันนี้แบงก์ไม่ใช่ทางเลือกแรกในชีวิต แต่กลายเป็นตัวเลือกสุดท้ายของชีวิต เห็นว่าอนาคตของแบงก์ไม่ยั่งยืนอีกต่อไป ธนาคารใหญ่จะอยู่ได้อย่างไรในโลกที่เปลี่นนแปลงรวดเร็ว แบงก์จะต้องทำอย่างไรให้ตัวเองกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต โดยเดิมคนเข้ามาปรึกษาเงินกู้ ฝากเงิน กับธนาคาร แต่วันนี้ภาพดังกล่าวค่อยๆ เริ่มหายไป สตารร์ทอัพเล็ก แต่มุ่งให้บริการการเงินดิจิตอลหรือ ไฟแนนเชียลเซอร์วิส เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้คนมีทางเลือกมากขึ้น ขณะที่ธนาคารใหญ่ เคลื่อนตัวช้า ไทยพาณิชย์ จึงได้จัดตั้งหน่วยงานดิจิตอลเวนเจอร์ มีโครงสร้าง มีคนตัวเอง โดยหน่วยงานใหม่ที่ตั้งขึ้นจะมองหานวัตกรรมและโอกาสธุรกิจใหม่ของธนาคาร”
นายอรพงศ์ กล่าวต่อไปว่า การเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทำให้คนหลายคนจะตกงาน ไม่ใช่เฉพาะคนกลาง งานที่มีรูปแบบงานโครงสร้างจะหายไป ด้วยความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI อาชีพ แพทย์ อาจถูกแย่งงานด้วยคอมพิวเตอร์ โดยคอมพิวเตอร์มีความสามารถมากขึ้นใกล้เคียงความสามารถมนุษย์
ด้าน น.พ. ภาณุฑัต เตชะเสน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมกเกอร์ เอเชีย จำกัด กล่าวว่า ดิจิตอลอยู่ในช่วงเริ่มต้น ยุคต่อไป คือการประยุกต์เทคโนโลยีกับชีวิตประจำวัน ในเรื่องสุขภาพ เดิมเวลาคนเจ็บไปหาแพทย์ แพทย์เจอผู้ป่วยในระยะเวลานาน แต่วันนี้มีเครื่องวัดสัญญาณชีพติดตัวผู้ป่วย สิ่งที่เกิดขึ้นดาต้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้กระบวนการรักษาใหม่เกิดขึ้น
จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้นในอนาคตผู้ป่วย ไม่ไปโรงพยาบาลเพื่อรักษา แต่จะรักษาสุขภาพตัวเองมากขึ้น โดยเทคโนโลยีทำให้บางอาชีพหายไป แต่เกิดอาขีพใหม่ เทรนเนอร์สุขภาพ ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ
ขณะที่ดร.ทรงพล องค์วัฒนกุล อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรม ชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ทุกวันนี้ เทคโนโลยีก้าวหน้า โดยใช้คนน้อยแต่ผลิตได้เพิ่มขึ้น เช่น การนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ระบบอัติโนมัติเข้ามาแทนมนุษย์ ขณะที่คนที่ทุนน้อยเข้ามาแต่มีองค์ความรู้ เข้ามาสตาร์ทอัพในโลกดิจิตอลได้
“เทคโนโลยีที่มีผลกระทบคือ ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI คำนี้ไม่ใช่คำใหม่ แต่ทุกวันนี้เราอยู่ในยุค AI มีบทบาท เดิมเราเขียนโปรแกรมตอบโจทย์ความต้องการ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยี AI มีคุณสมบัติ เรียนรู้ด้วยตัวเอง หรือ แมชีนเลิร์นนิ่ง เรียนรู้จากข้อมูล หรือ ดาต้าที่เกิดขึ้น โดยมี IoT เป็นตัวเก็บข้อมูล อย่างไรก็ตามสิ่งที่กังวล คือ IoT ที่แทรกซึมในขีวิตประจำวันของคน และไอโอทีส่งข้อมูลออกไปตลอดเวลา คือ ระบบความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว “
ส่วนนายจาริศร์ สิทธุ ผู้จัดการฝ่ายงานวิจัยตลาดไคลเอนด์ดีไวซ์ และหัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท ไอดีซี ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า องค์กรเกิดใหม่ทำได้ดี คือองค์กรที่มีเข้าใจความต้องการลูกค้า อูเบอร์เข้าใจลูกค้า ว่าลูกค้าต้องการอะไร ขณะที่องค์กรธุรกิจใหญ่ๆ หลายองค์กรไม่เข้าใจความต้องการลูกค้า
“องค์กรในยุคดิจิตอล ต้องมองการนำข้อมูล หรือ ดาต้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยหากมองในเชิงเศรษฐศาสตร์ ดาต้าเป็นปัจจัยการผลิต แต่สำหรับปัจจัยการผลิตอื่นอาจใช้แล้วหมดไป แต่ดาต้าไม่มีวันหมดอีกใช้แล้วยิ่งเพิ่มขึ้น ซึ่งธุรกิจจะต้องนำข้อมูลเหล่านี้มาสร้างให้เกิดประโยชน์”
