KBANK รุกต่างประเทศ ลาวโต30%
กสิกรไทยเดินหน้าปูพรมธุรกิจต่างประเทศ ชู “Regional Settlement Hub” โอนเงินสกุลท้องถิ่น ลั่นสาขาในลาวปีหน้าโตขั้นตํ่า 30%
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ธนาคารยัให้ความสำคัญในการขยายช่องทางธนาคารในต่างประเทศ ซึ่งการดำเนินการต่อเนื่องจากหลายปีที่ผ่านมา ที่มีทั้งขยายสาขา สำนักงานผู้แทน รวมถึงการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ
[caption id="attachment_160714" align="aligncenter" width="288"]
ขัตติยา อินทรวิชัย[/caption]
สาขาต่างประเทศที่มีผลการดำเนินธุรกิจดี จะเป็นประเทศจีน สปป.ลาว และกัมพูชา ส่วนอินโดนีเซีย เป็นการถือหุ้นร่วมกับธนาคารแมสเปี้ยนในสัดส่วน 9.99% ซึ่งธนาคารยังมีแผนขยายสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ เพียงรอทางการอนุมัติให้ถือหุ้นเพิ่ม
ทั้งนี้แผนการดำเนินธุรกิจในเชิงการเงิน ธนาคารไม่ได้หวังการเติบโตแบบหวือหวาหรือก้าวกระโดด ปล่อยสินเชื่อยังคงมีความเสี่ยง ซึ่งเป็นเรื่องที่ธนาคารให้ความระมัดระวัง ประกอบกับสถานการณ์ความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางด้านภูมิรัฐศาสตร์มีมากขึ้น
ดังนั้นธนาคารพยายามดูแลลูกค้าและสนับสนุนลูกค้าให้ได้รับความสะดวกจากการทำธุรกิจมากที่สุด โดยจะมุ่งเน้นเรื่องการเป็นศูนย์กลางชำระเงินในภูมิภาค แม้ตัวเลขธุรกรรมจะยังไม่สูงมากหลังเปิดให้บริการตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 โดยมียอดการโอนเงินอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท แต่จะช่วยเชื่อมโยงบริการการชำระเงินของเครือข่ายธนาคารในภูมิภาคเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ
นายพัฒนพงศ์ ตัณฑ์สมบุญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในสปป.ลาวในปี 2561 ธนาคารยังคงตั้งเป้าการเติบโตทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ สินเชื่อ เงินฝาก และธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ โดยตั้งเป้าการเติบโตทั้ง 3 ธุรกิจอยู่ที่ 20-30%
กลยุทธ์ในปี 2561 ธนาคารจะมุ่งเน้นการขยายซัพพลายเชนของลูกค้าและคู่ค้าในสปป.ลาว กลุ่มอุปโภคบริโภค กลุ่มโรงไฟฟ้าเพื่อสร้างเขื่อนการทำเหมือง และการย้ายฐานการผลิต
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,315 วันที่ 19 - 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ธนาคารยัให้ความสำคัญในการขยายช่องทางธนาคารในต่างประเทศ ซึ่งการดำเนินการต่อเนื่องจากหลายปีที่ผ่านมา ที่มีทั้งขยายสาขา สำนักงานผู้แทน รวมถึงการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ
[caption id="attachment_160714" align="aligncenter" width="288"]
สาขาต่างประเทศที่มีผลการดำเนินธุรกิจดี จะเป็นประเทศจีน สปป.ลาว และกัมพูชา ส่วนอินโดนีเซีย เป็นการถือหุ้นร่วมกับธนาคารแมสเปี้ยนในสัดส่วน 9.99% ซึ่งธนาคารยังมีแผนขยายสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ เพียงรอทางการอนุมัติให้ถือหุ้นเพิ่ม
ทั้งนี้แผนการดำเนินธุรกิจในเชิงการเงิน ธนาคารไม่ได้หวังการเติบโตแบบหวือหวาหรือก้าวกระโดด ปล่อยสินเชื่อยังคงมีความเสี่ยง ซึ่งเป็นเรื่องที่ธนาคารให้ความระมัดระวัง ประกอบกับสถานการณ์ความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางด้านภูมิรัฐศาสตร์มีมากขึ้น
ดังนั้นธนาคารพยายามดูแลลูกค้าและสนับสนุนลูกค้าให้ได้รับความสะดวกจากการทำธุรกิจมากที่สุด โดยจะมุ่งเน้นเรื่องการเป็นศูนย์กลางชำระเงินในภูมิภาค แม้ตัวเลขธุรกรรมจะยังไม่สูงมากหลังเปิดให้บริการตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 โดยมียอดการโอนเงินอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท แต่จะช่วยเชื่อมโยงบริการการชำระเงินของเครือข่ายธนาคารในภูมิภาคเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ
นายพัฒนพงศ์ ตัณฑ์สมบุญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในสปป.ลาวในปี 2561 ธนาคารยังคงตั้งเป้าการเติบโตทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ สินเชื่อ เงินฝาก และธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ โดยตั้งเป้าการเติบโตทั้ง 3 ธุรกิจอยู่ที่ 20-30%
กลยุทธ์ในปี 2561 ธนาคารจะมุ่งเน้นการขยายซัพพลายเชนของลูกค้าและคู่ค้าในสปป.ลาว กลุ่มอุปโภคบริโภค กลุ่มโรงไฟฟ้าเพื่อสร้างเขื่อนการทำเหมือง และการย้ายฐานการผลิต
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,315 วันที่ 19 - 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
