‘บี-เอสยูวี’ทะลักตลาด โตโยต้าจัด‘ซีเอช-อาร์’ปลายปีคาดเริ่มต้น 9 แสน

19 พ.ย. 2560 | 09:32 น.
ตลาดบี-เอสยูวี แข่งเดือด ค่ายใหญ่โตโยต้า เตรียมอวดโฉม “ซีเอช-อาร์” ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป พร้อมรับจองสิทธิ์ซื้อล่วงหน้า คาดราคาเริ่มต้นประมาณ 9 แสนบาท ส่วนน้องใหม่ “เอ็มจี” เสริมทัพ “แซดเอส” เน้นความคุ้มค่า ออพชันเพียบ หวังขาย 1.2 หมื่นคันต่อปี

chr1612_02_s chr1612_24_s เมื่อรถยนต์อเนกประสงค์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียง “คอมแพ็กต์เอสยูวี” ราคาหลักล้าน ปัจจุบันหลายค่ายรถยนต์ทยอยเสริมทัพเอสยูวีหรือครอสโอเวอร์ขนาดกะทัดรัด ราคาเข้าถึงได้ง่ายในระดับ “บี-เอสยูวี” ซึ่งถือเป็นการเปิดเซ็กเมนต์ใหม่ให้ตลาดรถยนต์ในช่วง 3-4 ปีหลัง

ดังนั้นเอสยูวีจากที่มีบทบาทเพียงน้อยนิด แต่ในระยะหลังเริ่มตีกินทั้งกลุ่ม ดี-เซ็กเมนต์ และ ซี-เซ็กเมนต์ มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ในปัจจุบันเอสยูวีครองสัดส่วนการขายถึง 20% จากตลาดรถยนต์นั่งทั้งหมด

โดยเจ้าตลาดเอสยูวี (ที่พัฒนาบนพื้นฐานรถยนต์นั่ง) ต้องยกให้ฮอนด้าที่มีทั้ง ซีอาร์-วี,เอชอาร์-วี และบีอาร์-วี รวมแล้วมีส่วนแบ่งในตลาดเอสยูวีเมืองไทยกว่า 60%

อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปฮอนด้าอาจจะเจองานยากมากขึ้น เมื่อผู้เล่นหลายรายเริ่มขยับเข้าหาตลาด “บี-เอสยูวี” อย่างจริงจัง ซึ่งมีทั้งค่ายใหญ่ “โตโยต้า” และน้องใหม่ “เอ็มจี”

ในส่วนโตโยต้า มีกระแสข่าวมาสักระยะแล้วว่า เตรียมทำตลาด “ซีเอช-อาร์” ครอสโอเวอร์ที่เป็นคู่ปรับตรงๆของฮอนด้า “เอชอาร์-วี” ล่าสุดผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจที่ร่วมเดินทางไปทดสอบรถยนต์รุ่นดังกล่าวถึงประเทศญี่ปุ่น ตามคำเชิญของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยืนยันว่า โตโยต้าจะนำ “ซีเอช-อาร์” มาอวดโฉมในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2017 ปลายเดือนพฤศจิกายนนี้แน่นอน มากไปกว่านั้นยังเปิดให้ลูกค้าได้จองสิทธิ์ซื้อ หรือลงชื่อจองคิวกันไว้ล่วงหน้า ก่อนที่รถจะเปิดตัวพร้อมประกาศราคาขายอย่างเป็นทางการช่วงต้นปี 2561

สำหรับ “ซีเอช-อาร์” รุ่นขายจริงเปิดตัวครั้งแรกที่งาน “เจนีวา มอเตอร์โชว์ 2016” แต่เมืองไทยนำโฉมต้นแบบมาเปิดตัวในช่วงเวลาใกล้เคียงกันที่งาน “บางกอก มอเตอร์โชว์ 2016” (รุ่นต้นแบบเปิดตัวสู่สายตาชาวโลก ในงานแฟรงก์เฟิร์ต 2015) โตโยต้าระบุว่า นี่เป็นคอมแพ็กต์ ครอสโอเวอร์ ที่ผสมระหว่างรถยนต์ประเภท บี-เอสยูวี กับ ซี-เอสยูวี การออกแบบโฉบเฉี่ยวมาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบฟูลไฮบริด

mp32-3315-a นอกจากรุ่นขุมพลังไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าแล้ว ซีเอช-อาร์ ยังมีรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ซีวีที โดยโตโยต้า ประเทศไทย ไม่เลือกวางเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร เทอร์โบ และ 2.0 ลิตร ตามที่มีข่าวลือมาก่อนหน้า

การใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร และไฮบริด เชื่อว่าโตโยต้าจะวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ได้ชัดเจนและทำตลาดง่ายกว่า โดยรุ่นแรกน่าจะตั้งราคาให้ใกล้เคียงกับฮอนด้า เอชอาร์-วี หรือ ประมาณ 9 แสนบาท ส่วนรุ่นไฮบริด ขยับขึ้นไปเสียบช่องว่างที่“พริอุส”เคยทิ้งเอาไว้คือ 1.1-1.2 ล้านบาท

ด้าน “เอ็มจี” แบรนด์อังกฤษเจ้าของจีน (SAIC) ทำตลาดในไทยโดยกลุ่ม “ซีพี” ล่าสุดเสริมทัพบี-เอสยูวีรุ่น “แซดเอส” เข้ามาผนึกกำลังกับรุ่นพี่ “จีเอส” และคาดว่าในปีหน้ารถยนต์ 2 รุ่นนี้จะครองสัดส่วนขายมากกว่า 50% จากรถเอ็มจีทุกรุ่น

โดย “เอ็มจี แซดเอส” วางเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ (รุ่น “จีเอส” มีให้เลือกทั้ง 1.5 ลิตร เทอร์โบ และ 2.0 ลิตร) ประกบเกียร์อัตโนมัติ 4สปีด แบ่งขาย 3 รุ่นย่อย ราคา 6.79-7.89 แสนบาท ตั้งเป้าหมายการขายไว้ 1.2 หมื่นคันต่อปี

ทั้งนี้ เอ็มจี แซดเอส ยังชูความเป็น ‘รถยนต์อัจฉริยะ’ ด้วยระบบ i-SMART สามารถควบคุมฟังก์ชันต่างๆภายในรถยนต์ ด้วยการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย และผ่านแอพพลิเคชันบนมือถือ

สำหรับระบบ i-SMART สามารถควบคุมสั่งการได้ 3 วิธี คือ สั่งการผ่านระบบ Voice command ภาษาไทย สั่งการผ่านหน้าจอทัชสกรีนภายในรถ และการสั่งการผ่านไอสมาร์ทแอพพลิเคชัน จากสมาร์ทโฟนซึ่งผู้ขับขี่สามารถเปิดระบบการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านแอพพลิเคชันในสมาร์ทโฟน ค้นหาจุดหมาย อาทิสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม หรือร้านอาหาร ด้วยสมาร์ทเนวิเกเตอร์รวมถึงตรวจสอบสภาพการจราจรได้แบบเรียลไทม์

“กลุ่ม บี-เอสยูวี ถือเป็นตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง และเอ็มจี แซดเอส ก็ตอบสนองความต้องการนั้น พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ ด้วยการจัดออพชันมากที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน ซึ่งเราพร้อมแข่งขันกับกลุ่ม บี-เอสยูวี ที่วางเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และ 1.8 ลิตร ขณะเดียวกันยังมีโอกาสไปกินยอดขายในกลุ่มซับคอมแพกต์ ทั้งตัวถังซีดานและแฮทช์แบ็ก อีกด้วย” นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวและว่า

NEW MG ZS (5) การขายรถ สุดท้ายต้องมาแข่งขันกันที่ความคุ้มค่า และประโยชน์ใช้สอย ซึ่ง เอ็มจี แซดเอส เป็นรถยนต์ ‘อัจฉริยะ’ รุ่นแรกของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้อย่างครบถ้วน ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย หรือเริ่มต้นเพียง 6.79 แสนบาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี โดยรถพร้อมส่งมอบให้ลูกค้าตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้

สำหรับ แซดเอส พร้อม i-SMART จะให้ลูกค้าใช้บริการระบบนี้ฟรี 5 ปี ขณะที่ตัวรถเริ่มผลิตที่โรงงานใหม่ของ “เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี” จำกัด บนพื้นที่ 437.5 ไร่ ภายในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด 2 จังหวัดชลบุรี ซึ่งจะทำพิธีเปิดโรงงานอย่างเป็นทางการวันที่ 8 ธันวาคมนี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,315 วันที่ 19 - 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว