แพลทินัมฯเดินหน้าทุ่มทุนต่อ

23 พ.ย. 2560 | 05:25 น.
“แพลทินัม กรุ๊ป” แนะทุนมิกซ์ยูส ต้องคำนึงถึงโลเกชันเป็นหลัก เผยพร้อมเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง มั่นใจสิ้นปีโกยยอดขายกว่า 2,000 ล้านบาท ขณะที่ 9 เดือน แรกปิดรายได้กว่า 1.5 พันล้าน

นายชาญชัย พันธุ์โสภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กระแสการลงทุนในโครงการมิกซ์ยูสที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้นั้น ถือเป็นอีกรูปแบบการพัฒนาเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ เพราะสามารถสนับสนุนกลุ่มลูกค้าได้ เช่น ศูนย์การค้ากับโรงแรม หรือศูนย์การค้ากับอาคารสำนักงาน แต่อย่างไรก็ดี การจะทำมิกซ์ยูสให้ประสบความสำเร็จ จะต้องคำนึงถึงตำแหน่งและโลเกชันเป็นสำคัญ ซึ่งโครงการมิกซ์ยูสประสบความสำเร็จอย่างสูงในหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น ขณะที่ประเทศไทยอยู่ในช่วงของการพัฒนา

[caption id="attachment_232662" align="aligncenter" width="330"] ชาญชัย พันธุ์โสภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ชาญชัย พันธุ์โสภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)[/caption]

ด้านการลงทุนของเดอะ แพลทินัม กรุ๊ปนั้นมีทั้งโครงการรีเทล และมิกซ์ยูสต่อเนื่อง แม้จะไม่ใช่มิกซ์ยูสเต็มรูปแบบ แต่ก็สามารถรองรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างเต็มที่ สำหรับความคืบหน้าของโครงการศูนย์การค้า The Market Bangkok อยู่ระหว่างก่อสร้างพื้นที่โครงการ 20 ไร่ บนพื้นที่ก่อสร้างรวม 2 แสนตารางเมตร และมีพื้นที่ให้เช่า 4 หมื่นตารางเมตร มูลค่า 5,800 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเปิดสำนักงานขายได้ในเดือนมกราคม 2561 ซึ่งคาดว่าจะมีการเซ็นสัญญากับร้านค้ามากกว่า 300 รายในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ของปีหน้า และจะสามารถเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2561 ขณะที่ในส่วนของโรงแรมจำนวน 532 ห้อง อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ให้บริการโรงแรมชื่อดัง และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2564-2565 และส่วนของโรงแรม Holiday Inn Express จำนวน 202 ห้อง และ Holiday Inn Resort บนสมุย จำนวน 127 ห้องคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ของปี 2563

นอกจากนี้ยังมีแผนขยายพื้นที่ Platinum mall อีก 2,000 ตารางเมตรเป็นอาคารสูง 3 ชั้น เพื่อ ใช้เป็นพื้นที่ดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ และพื้นที่เช่าสำหรับผู้ประกอบการขนส่งสินค้า ซึ่งคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งจะเสร็จสิ้นภายในช่วงกลางปี 2561 นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาจัดตั้งศูนย์ค้าส่งสินค้าประเภทอื่นๆ นอกจากแฟชั่น เช่น ไอที และเครื่องสำอาง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหาพื้นที่ และยังไม่สามารถสรุประยะเวลาในการจัดตั้งได้

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 9 เดือน (มกราคม- กันยายน)ของปี 2560 บริษัท มีรายได้รวม 1,515 ล้านบาท เติบโต 10% มีกำไรสุทธิจำนวน 569 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2559 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเติบโตจากรายได้ธุรกิจให้เช่าและบริการ 14% เป็นการเติบโตรายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่ม 12% และรายได้จากการประกอบกิจการโรงแรม 6% โดยบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นสำหรับธุรกิจหลักอยู่ที่ 62% ซึ่งสัดส่วนรายได้หลักยังมาจากธุรกิจให้เช่าพื้นที่ค้าปลีก ที่ 59% โรงแรม 19% Food center 13% และอื่นๆ

“ในช่วง 9 เดือนของปีนี้ มีลูกค้าเข้าใช้บริการศูนย์การค้าในย่านราชประสงค์เฉลี่ยที่ประมาณ 6.6 หมื่นคนต่อวัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 12- 13% ที่เข้ามาใช้บริการศูนย์ค้าปลีกค้าส่งของแพลทินัม ซึ่งมีพื้นที่ค้าปลีกค้าส่งรวม 2.8 หมื่นตารางเมตร มีประมาณ 3,000 ร้านค้า เป็นกลุ่มลูกค้าต่างชาติ 40%” บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถปิดรายได้ในสิ้นปีนี้มากกว่า 2,000 ล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 1,863.73 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเติบโตมากกว่าปี 2559 ที่จะทำได้ 704.15 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลมาจากมีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกเพิ่มขึ้น และภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้บรรยากาศจับจ่ายใช้สอยดีขึ้น โดยในปี 2561 คาดว่ารายได้จะเติบโตต่อ
เนื่องจากปีนี้ บริษัทจะมีการปรับขึ้นค่าเช่าพื้นที่ในสัญญาที่จะหมดลงเฉลี่ยที่ 3-5% และปรับสัญญาเช่าเป็นระยะสั้น 1-2 ปี จากปัจจุบันที่มีผู้เช่าระยะยาว (10 ปี) 40% ของทั้งหมด โดยมีระยะสัญญาเหลือ 4 ปี ในขณะที่ ตลาดนีออนคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้อยู่ที่ 100 ล้านบาท จาก ปีนี้ที่ทำได้ 70-80 ล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,315 วันที่ 19 - 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว