ฟ้อง "สุภา" ผิดม.157 "นิพิฐ" ยื่นศาลปราบโกง-ชี้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

17 พ.ย. 2560 | 09:50 น.
 

“นิพิฐ” ยื่นฟ้อง “สุภา ปิยะจิตติ” ต่อศาลปราบโกง ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามมาตรา 157 เอื้อให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นผิด บิดเบือน สอบพยานปากเอก และไม่นำสืบข้อเท็จจริงคดีรับสินบน



[caption id="attachment_232500" align="aligncenter" width="503"] นิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา นิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา[/caption]

การทุจริตโครงการปาล์มอินโดนีเซีย กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง หลังจากยืดเยื้อมานาน ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.กรีน เอ็นเนอร์ยี จำกัด (PTTGE) ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางสาวสุภา ปิยะจิตติ หนึ่งในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในข้อหาหรือฐานความผิด เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

เนื่องจากนางสาวสุภา เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดีที่นายนิพิฐ ถูกกล่าวหาคดีทุจริตโครงการปาล์มนํ้ามัน ของกลุ่มบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ที่ประเทศอินโดนีเซีย และได้เป็นหัวหน้าคณะเดินทางไปสอบสวนข้อเท็จจริง โดยมีนางรสยา เธียรวรรณ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาและเป็นจำเลยที่นายนิพิฐ ฟ้องฐานทุจริตในโครงการ และเป็นเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ซึ่งได้ร้องทุกข์ต่อ ป.ป.ช.ไปแล้วเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2556  ได้เดินทางไปอินโดนีเซียในช่วงระยะเวลาเดียวกับคณะข้าราชการป.ป.ช.

[caption id="attachment_232505" align="aligncenter" width="503"] สุภา ปิยะจิตติ สุภา ปิยะจิตติ[/caption]

การให้นางรสยา ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาและเป็นจำเลยในคดีอาญา เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการสอบสวนพยาน และเดินทางไปอินโดนีเซียในช่วงระยะเวลาเดียวกับคณะสอบสวนข้อเท็จจริงของ ป.ป.ช. โดยที่ทราบอยู่แล้วว่านางรสยา มีคดีถูกกล่าวหาอยู่ จึงเป็นการเปิดเผยความลับทางราชการให้บุคคลภายนอกรับทราบ และช่วยเหลือให้ผู้กระทำผิดไม่ให้ต้องถูกลงโทษ และช่วยเหลือโดยตรงแก่นางรสยา กับพวกในการสร้างพยานหลักฐานเท็จในอินโดนีเซีย ทำให้นายนิพิฐ ได้รับความเสียหาย

อีกทั้ง เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2560 นางรสยา มีพฤติกรรมติดสินบนผู้ร่วมลงทุนในโครงการ พีที.เคพีไอ โดยได้นำถุงสินบนมอบให้กับนายบูลฮันนุดดิน ซึ่งถือเป็นพยานปากสำคัญ เพื่อให้พยานบิดเบือนข้อเท็จจริง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ซึ่งนำโดยนางสาวสุภา และคณะจะเดิน ทางไปสอบสวนข้อเท็จจริงกับนายบูลฮันนุดดิน ในวันที่ 7 สิงหาคม 2560

นางสาวสุภา ได้เข้าสอบปากนายบูลฮันนุดดิน ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏว่า ก่อนที่จะมีการสอบสวน เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ได้ส่งคำถามล่วงหน้าให้นายบูลฮันนุดดินผ่านหน่วยงาน KPK (ป.ป.ช.ประเทศอินโดนีเซีย) เพื่อให้พยานตอบคำถามหลายคำถาม แต่วันสอบสวนข้อเท็จจริงกลับถามคำถามเพียงไม่กี่คำถาม โดยมีการละเว้นไม่ได้ถามประเด็นสำคัญแห่งคดี ต่อมาเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2560 คณะ ป.ป.ช.ได้บันทึกคำให้การไว้เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้ลงนาม เมื่อนายบูลฮันนุดดิน ตรวจสอบข้อความในเอกสารก่อนลงลายมือชื่อปรากฏว่าเอกสารที่คณะ ป.ป.ช.ได้จัดเตรียมมานั้น กลับไม่ใช่คำตอบที่นายบูลฮันนุดดิน เคยตอบและเคยให้การไว้กับคณะ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2560

โดยมีข้อความหรือถ้อยคำถูกแต่งเพิ่มเติมขึ้นมาจากที่เคยให้การไว้ และข้อ ความดังกล่าว ได้ใส่ร้ายป้ายสีปรักปรำนายนิพิฐ และผู้อื่นซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ สร้างความไม่พอใจให้นายบูลฮันนุดดิน เป็นอย่างมาก จึงไม่ยอมลงลายมือชื่อ และได้เชิญเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ออกจากสำนักงาน

จนกระทั่งในวันที่ 11 สิงหาคม 2560 นางรสยา ก็ได้เดินทางกลับจากอินโดนีเซีย ด้วยสายการบินเที่ยวเดียวกับเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.
5316500d2 จากกระบวนการไต่สวนคดีทุจริตโครงการปาล์มนํ้ามันอินโดนีเซีย ตั้งแต่แรกในชั้นอนุกรรมการไต่สวน จนมาถึงปัจจุบัน ได้มีการยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับคณะกรรมการป.ป.ช.ที่ปรากฏหลักฐานอย่างชัดเจนว่า มีกลุ่มบุคคลที่ทำให้เกิดความเสียหายที่แท้จริงต่อ ปตท. และ PTTGE ไม่น้อยกว่า 12 ครั้ง แต่นางสาวสุภา ได้เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องแต่อย่างใด เป็นเหตุให้นายนิพิฐ ต้องฟ้องคดีอาญาต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางถึง 5 คดี

นอกจากนี้ กรณีที่นางรสยา ได้นำส่งถุงสินบนมอบให้นายบูลฮันนุดดิน นายนิพิฐได้ยื่นหนังสือถึงนางสาวสุภา ถึง 3 ฉบับ เพื่อให้ดำเนินการสอบนางรสยา และเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ที่เกี่ยวข้อง แต่ปรากฏว่านางสาวสุภา ได้เพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆ อันเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญใหม่ ที่ได้กำหนดการเข้าสู่ตำแหน่งของ ป.ป.ช.เอาไว้

apppalm-696x385

ปรากฏว่านางสาวสุภา ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ตํ่ากว่า อธิบดีหรือเทียบเท่ามาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี นับถึงวันได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ ป.ป.ช. การที่นางสาวสุภา ปิยะจิตติ ที่มีลักษณะต้องห้ามเป็น ป.ป.ช. ไม่มีวุฒิภาวะและความสามารถพอมาปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อกระบวนการยุติธรรม

800_4561400509699-1

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว