ความพยายามของรัฐบาลนายกฯ ลุงตู่ ในการสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ให้เป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ถึงขนาดที่ลงทุนประกาศเพิ่มสิทธิพิเศษให้กับเอกชน ในการดึงผู้เชี่ยวชาญเข้ามาทำงานโดยให้วีซ่าถึง 5 ปี จากเดิม 1 ปี
นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มสิทธิประโยชน์เป็นกรณีพิเศษอีกหลายอย่างเพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุน อาทิ เช่น กรณีอุตสาหกรรมการผลิตที่สั่งซื้อหุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติสามารถหักค่าใช้จ่ายหรือหักค่าเสื่อมอัตราเร่ง หักค่าเสื่อมได้เพิ่มขึ้น 3 เท่า เมื่อซื้อระบบอัตโนมัติ/หุ่นยนต์ แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องใช้ชิ้นส่วนในประเทศ 40% นอกจากนี้ยังสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่าสำหรับการอบรมบุคลากร
ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ให้ 3 ปี ในสัดส่วน 50% ของเงินลงทุน และยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรให้กับอุตสาหกรรมการผลิต
หากต้องการเงินกู้ รัฐบาลจะประสานงานกับสถาบันการเงินในการจัดสรรวงเงินสินเชื่อในการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นกรณีพิเศษ
กรณีอุตสาหกรรมที่ผลิตหุ่นยนต์/ระบบอัตโนมัติ รัฐบาลจะยกเว้นภาษีเงินได้ให้ 8 ปี สามารถหักค่าลดหย่อนได้ 50% ในอีก 5 ปี หากจะมาลงทุนสร้างหุ่นยนต์ในเมืองไทยโดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี สามารถใช้กองทุน Fund of Fund เพื่อลงทุนในกองทุนร่วมทุนได้
รัฐบาลจะจัดทำโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยตํ่าเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ และปรับโครงสร้างอากรขาเข้าชิ้นส่วน/อุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต
นอกจากนี้ จะยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับสินค้าหรือเทคโนโลยีที่จะนำมาทำ R&D หรือการทดสอบ และสามารถหักค่าใช้จ่ายได้อีก 2 เท่า สำหรับการอบรมบุคลากรในด้านนี้
ล่าสุด ผลจากการตรวจสอบบริษัทในพื้นที่ภาคตะวันออกพบว่า มีกว่า 400 บริษัท ที่วางแผนปรับเปลี่ยนเครื่องจักรในกระบวนการผลิตไปสู่ระบบอัตโนมัติซึ่งจะมีการลดการใช้คนลง
อาทิเช่น บริษัท ฟอร์ดฯ บริษัท ฮิตาชิฯ บริษัท ซัมซุงอิเล็คโทรนิคส์ฯ บริษัท โตโยต้าฯ บริษัท คอนติเนนตัลฯ ซึ่งจะลงทุนผลิตยางรถยนต์ บริษัท เอนก้า แมนูแฟคเจอริ่งฯ
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทที่นำร่องในการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนระบบหุ่นยนต์ เพื่อทดแทนระบบเครื่องจักรเดิมเพื่อปรับปรุงระบบการผลิตภายในโรงงานทั้งหมดแล้ว 5 บริษัท
ประกอบด้วย กลุ่มบริษัทในเครือปูนซิเมนต์ไทย (SCG) ที่ยื่นเรื่องขอบีโอไอเพื่อลงทุนโครงการนำร่องระบบการจัดเก็บสินค้าและเรียกคืนสินค้าอัตโนมัติ (AS/RS) ในกลุ่มธุรกิจ 9,000 แห่ง ระบบใหม่จะมีประสิทธิภาพในการเก็บรักษาการใช้ประโยชน์ให้มีความปลอดภัย ใช้เงินลงทุนทั้งหมด 179 ล้านบาท ลงทุนในประเทศ 135 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถทดแทนกำลังคนจาก 61 คน เหลือ 47 คน
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหารฯ (CPF) ที่ขอบีโอไอเพื่อดำเนินโครงการนำร่องในการผลิตหุ่นยนต์เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันธุรกิจเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ไก่แช่แข็งไทย ใช้เงินลงทุน 944 ล้านบาท มีการประเมินว่าหุ่นยนต์และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จะสามารถทดแทนแรงงานคนได้ถึง 1,050 คน/วัน
บริษัท ซีพี ออลล์ฯ (CPALL) เสนอขอบีโอไอเพื่อจัดทำโครงการนำร่องในเรื่องของการจัดเก็บสินค้า และการเรียกคืนสินค้าอัตโนมัติ (AS/RS) 15,000 แห่ง ระบบนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ทำให้มีการใช้แรงงานน้อยลง สามารถควบคุมสินค้าคงคลังได้แบบเรียลไทม์ ใช้เงินลงทุนราว 1,000 ล้านบาท
บริษัท ปตท.ฯ (PTT) จะจัดทำโครงการพัฒนาหุ่นยนต์บังคับใต้นํ้า (ROV) ใช้สำหรับท่อส่งก๊าซเพื่อการทำงานและการบำรุง ปตท.ระบุว่า หุ่นยนต์ ROV จะเข้ามาแทนที่การจ้างบริษัทเอาต์ซอร์ซที่ปัจจุบันมีการว่าจ้างบริษัทต่างประเทศ โดยหุ่นยนต์ใต้นํ้า 1 ตัวนั้น สามารถลดต้นทุนได้ถึง 70 ล้านบาท
บริษัท เควี อิเลคทรอนิกส์ จำกัด (KV) จะทำโครงการนำร่องระบบอัตโนมัติสำหรับการผลิตแรงดันไฟฟ้าตํ่าและหม้อแปลง ทางกลุ่ม KV ประเมินว่า หากบริษัทลงทุน 10 ล้านบาท ประหยัดต้นทุนได้ 2.8 ล้านบาท/ปี หากกำลังการผลิตอยู่ที่ 7,000 ยูนิต/วัน จะลดความต้องการใช้กำลังคนลงไม่น้อยกว่า 10 คน
บริษัทคูก้า โรโบติกส์ (ไทยแลนด์)ฯ มีแผนขยายการลงทุนไปสู่การผลิตชิ้นส่วนอัตโนมัติและหุ่นยนต์หยิบจับในพื้นที่ EEC จากปัจจุบันให้บริการติดตั้งระบบเครื่องจักรอัตโนมัติและหุ่นยนต์อยู่แล้ว
อย่าทำเป็นเล่นไป Robotics และระบบอัตโนมัติ ที่รัฐบาลลุงตู่และทีมเศรษฐกิจกำลังขับเคลื่อนนั้นคืออนาคตของประเทศ และในไม่ช้ามีการทำนายโดยกูรูว่าจะกลายเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญในระดับโลก เนื่องจากช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตพร้อมๆ กับการลดต้นทุน และปัจจุบันกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด
บริษัท Boston Consulting Group ว่า Robotics จะมีการเติบโตโดยมีอัตรา CAGR ในระดับ 10-20% ขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มของงานอุตสาหกรรม งานบริการ และการใช้งานในเชิงบุคคล
ในประเทศไทยนั้นหลายคนอาจจะดูเบา เพราะจินตนาการไม่ออกแต่พลันเมื่อธนาคารไทยพาณิชย์ได้เปิดกองทุน SCB Global Robotics Fund หรือ ‘SCBROBO’ เพื่อจูงใจให้นักลงทุนที่สนใจด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์สามารถซื้อหน่วยลงทุนได้
กองทุนนี้จะเน้นการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ โดยทางผู้จัดการกองทุนจะใช้ดุลพินิจพิจารณาปรับสัดส่วนการลงทุนในสภาวการณ์ต่างๆ ให้เหมาะสม แต่เชื่อหรือไม่ว่า สถิติบริษัทที่ลงทุนด้านนี้มีอัตราเติบโตปีละ 20-40% แสดงให้เห็นว่าการเติบโตของอุตสาหกรรม Robotics มาแน่นอน
ล่าสุด
“กลุ่มไทยเบฟเวอเรจ” ในเครือทีซีซี ผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ของไทย ได้จัดตั้งบริษัท
“เบฟเทค” เพื่อศึกษาและพัฒนาเครื่องจักร-หุ่นยนต์ สำหรับนำมาใช้กับโรงงานในเครือไทยเบฟ โดยดึงระดับหัวกะทิจากหน่วยงานวิศวกรรมของบริษัทในเครือมารวมตัวกัน เพื่อพัฒนาเครื่องจักรและหุ่นยนต์สำหรับใช้ในโรงงาน
เพื่อยกระดับการผลิตเป็นระบบอัตโนมัติ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะใช้ระบบอัตโนมัติในการผลิตจาก 20% ของกระบวนการผลิตทั้งหมด ต้องขึ้นไปเป็น 40% 60% 70% และไปถึง 80% ให้ได้
ขณะนี้หัวหน้าทีมคือ พิษณุ วิเชียรสรรค์ กรรมการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ของเบฟเทคกำลังทำงานอย่างเข้มข้นที่โรงงานโออิชิ วังม่วง จังหวัดสระบุรี กำลังการผลิต 360 ล้านขวดต่อปี โรงงานแห่งนี้ ส่วนใหญ่ใช้เครื่องจักร และหุ่นยนต์ ที่นี่มีพนักงานทั้งโรงงานมีเพียง 105 คน เมื่อเทียบกับโรงงานทั่วไปที่ใช้คนไม่ตํ่ากว่า 1,000 คน
Robotics คืบคลานมาใกล้ตัวเรามากขึ้นเรื่อยๆ องค์กรใดไม่ปรับการทำงานอยู่ยากขึ้นเรื่อยๆ
คอลัมน์ : ทางออกนอกตำรา/ หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ / ฉบับ 3314 ระหว่างวันที่ 16-18 พ.ย.2560