“บิ๊กตู่” เสนอตั้งเครือข่ายเมืองอาเซียน-อินเดียแลกนวัตกรรม-วัฒนธรรม

15 พ.ย. 2560 | 09:11 น.
นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย ชี้นโยบายมุ่งตะวันออกของอินเดีย สามารถเชื่อมอย่างไร้รอยต่อกับอาเซียนผ่านเมียนมา-ไทย  หนุนสร้างกลไกเพิ่มการค้าระหว่างกันให้บรรลุเป้าหมาย 2 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2565

เว็บไซต์ www.thaigov.go.th เผยแพร่ข่าวว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2560  เวลา 19.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย ณ ศูนย์การประชุมนานาชาติฟิลิปปินส์ (PICC) กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญดังนี้

8081__DSC3623

นายกรัฐมนตรียินดีที่นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี กลับมาเข้าร่วมการประชุมกับอาเซียนอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่พิเศษอย่างมาก เพราะเป็นปีที่ 25 ของความสัมพันธ์อาเซียน-อินเดีย และ 70 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและอินเดีย โดยไทยได้ร่วมเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษดังกล่าวด้วยการเป็นเจ้าภาพจัดงาน ASEAN-India Expo and Forum ที่กรุงเทพ ระหว่างวันที่ 2-5 สิงหาคม 2560 ซึ่งมีผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย สมัยพิเศษ ในวันที่ 25 มกราคม 2561 ที่กรุงนิวเดลี และงานวันสถาปนาสาธารณรัฐอินเดีย ปีที่ 69 ในฐานะแขกเกียรติยศ

อาเซียนชื่นชมนโยบาย “มุ่งตะวันออก” (Act East Policy) ของนายกรัฐมนตรีโมดี ที่มุ่งเสริมสร้างความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมกับเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในทุกมิติ  จึงยินดีเป็นอย่างมากที่อินเดียและอาเซียนมองภาพเดียวกันในเรื่องความเชื่อมโยงระหว่างกัน ในขณะที่อินเดียประสงค์จะเชื่อมโยงภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียกับอาเซียน ผ่านเมียนมาและไทย และในอนาคตจะไปถึง สปป. ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ผ่านโครงการ Trilateral Highway อาเซียนก็ประสงค์จะสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาคอย่างเป็นระบบ โดยแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ. 2025 จะเป็นจุดเชื่อมต่อกับกรอบอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงอาเซียน-อินเดีย เพื่อสร้างความเชื่อมโยงที่ไร้รอยต่อ จากเอเชียใต้สู่เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ และจากมหาสมุทรอินเดียไปสู่มหาสมุทรแปซิฟิก 20171114061034

ในด้านเศรษฐกิจ อาเซียนและอินเดียยังขาดกลไกที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตัวเลขการค้า2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2565 จึงเห็นว่า อาเซียนและอินเดียควรส่งเสริมการใช้ประโยชน์จาก  ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-อินเดียเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเร่งจัดทำความตกลง Regional Comprehensive Economic Partnership (RCEP) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว นอกจากนี้ ควรขยายความร่วมมือด้านนวัตกรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารสนเทศให้มากขึ้น เพราะเป็นสาขาที่อินเดียมีความเชี่ยวชาญ 20171114061044

โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีแสดงความชื่นชมอินเดียอย่างมาก ที่แม้จะมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่แต่ก็ยังไม่ทอดทิ้งในเรื่องสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งผมเองเห็นว่ามีความสำคัญอย่างมาก การเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมระหว่างอาเซียนกับอินเดียจึงควรเพิ่มความสำคัญมากขึ้น โดยสนับสนุนบทบาทของศูนย์อาเซียนศึกษาเพื่อการนี้ จึงเสนอว่าอาเซียนและอินเดีย อาจพิจารณาจัดตั้งเครือข่ายของ SMART Cities-Cultural Centers ประกอบด้วยเมืองขนาดเล็กและกลาง โดยเน้นการพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความเข้าใจด้านวัฒนธรรมระหว่างกัน

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าในกลางปีหน้า ไทยจะรับตำแหน่งประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-อินเดีย เป็นระยะเวลา 3 ปี ไทยและประเทศสมาชิกอาเซียนพร้อมส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนในเชิงสร้างสรรค์กับอินเดีย และสนับสนุนการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการอาเซียน-อินเดีย วาระปี ค.ศ. 2016-2020 ซึ่งมีความคืบหน้าแล้วในหลายด้าน เพื่อให้เสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกันอย่างแท้จริง ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว