ทิสโก้ลุยปั้นพอร์ตเศรษฐีโต20%

18 พ.ย. 2560 | 09:05 น.
“ทิสโก้”ลุยธุรกิจบริหารเงินคนรวย มั่นใจพอร์ตจากสแตนชาร์ตต่อยอดบริหารเงินส่วนบุคคลโต 20% จาก AUM ปัจจุบัน 1.3 แสนล้านบาท ดันค่าธรรมเนียมขยับไม่ตํ่ากว่า 30%

นายพิชา รัตนธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจบริหารจัดการความมั่งคั่ง (Wealth Management) ในปี 2561 ธนาคารตั้งเป้าการเติบโตสินทรัพย์ภายใต้บริหารจัดการ (AUM) ในส่วนของบุคคล เติบโต 20% จากปัจจุบันธนาคารมีสินทรัพย์ AUM ส่วนบุคคลอยู่ที่ 1.2-1.3 แสนล้านบาทและสินทรัพย์ลูกค้าบรรษัทขนาดใหญ่ประมาณ 1 แสนล้านบาท และหลักทรัพย์มูลค่า 7-8 หมื่นล้านบาท

[caption id="attachment_231363" align="aligncenter" width="335"] พิชา รัตนธรรม พิชา รัตนธรรม[/caption]

อย่างไรก็ตามภายหลังจากธนาคารได้รับโอนพอร์ตสินทรัพย์ส่วนบุคคลจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) หรือ SCBT จำนวน 2.5 หมื่นล้านบาท และเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ (RM) จำนวน 40 คน รวมธนาคารมีเจ้าหน้าที่ RM 250 คน ส่งผลให้การเติบโตสินทรัพย์เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายกองทุนรวมและประกันตั้งเป้าเติบโตไม่ตํ่ากว่า 30% จากปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ในระดับกว่า 10% จากในช่วง 9 เดือน รายได้ค่าธรรมเนียมรวมทั้งธนาคารขยายตัวอยู่ที่ 8.5%

ฐานลูกค้า Wealth ของธนาคารทิสโก้ ปัจจุบันมีอยู่ 1.1-1.2 หมื่นราย โดยเฉลี่ยเป็นฐานลูกค้าที่มี AUM เฉลี่ย 5 ล้านบาทขึ้นไป ประมาณ 70-80% อย่างไรก็ตามธนาคารรับลูกค้าที่มีสินทรัพย์ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป แต่ส่วนใหญ่ จะแบ่งเป็นกลุ่ม Platinum ที่มีสินทรัพย์ตั้งแต่ 5-20 ล้านบาท และกลุ่ม Private Banking ที่มีสินทรัพย์ 20 ล้านบาทขึ้นไป ขณะที่พอร์ตฐานลูกค้าที่รับโอนมาจาก SCBT ประมาณ 6 หมื่นราย แต่มีประมาณ 3,000-4,000 ราย จะเป็นกลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง ซึ่งคาดว่าจะมาช่วยการเติบโตลูกค้า 20%

สำหรับกลยุทธ์ในปี 2561 นั้น ธนาคารมีความพร้อมในการให้คำแนะนำทางการเงินโดยเป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุดคำนึงถึงลูกค้าเป็นหลัก เป็นการตอกยํ้าความเป็นผู้นำ “Top Advisory House” ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ทำให้ทิสโก้ และนับตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมาธนาคารก้าวไปอีกขั้นด้วยการเปิดให้บริการ “Open Architecture” อย่างเต็มรูปแบบ โดยเปิดให้ลูกค้าสามารถซื้อผลิตภัณฑ์จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) 10 บลจ.ชั้นนำที่มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 70% ของตลาดกองทุนรวม ตลอดจนความร่วมมือกับบริษัทประกันชีวิตชั้นนำอีกกว่า 6 แห่ง ทั้งนี้โดยเฉลี่ยลูกค้าจะใช้บริการ 4 ผลิตภัณฑ์หลักคือ เงินฝาก กองทุนรวม ประกัน และโบรกเกอร์

บาร์ไลน์ฐาน นอกจากนี้ธนาคารทิสโก้มุ่งมั่นพัฒนาความเป็นเลิศใน “การให้คำปรึกษาด้านลงทุน” จนกลายเป็นผู้นำในการสร้างบรรทัดฐานใหม่ๆให้เกิดขึ้นในตลาด ไม่ว่าจะเป็นการให้ความสำคัญกับการพัฒนา Selling Quality เพื่อสร้างทักษะให้บุคลากรของทิสโก้เป็นที่ปรึกษาการลงทุนที่พร้อมให้คำแนะนำกับลูกค้าในทุกช่องทาง ทำให้ปัจจุบันทิสโก้เป็นธนาคารที่มีสัดส่วนเจ้าหน้าที่การตลาดที่ได้รับใบอนุญาตแนะนำการลงทุนครบ 100%

ทิสโก้ยังตั้งเป้าหมายยกระดับสู่คุณวุฒิวิชาชีพนักวางแผนการเงิน CFA และที่ปรึกษาการเงิน AFPT ให้ครบทุกสาขาทั่วประเทศ ภายในสิ้นปี 2561 รวมถึงต่อยอดด้านดิจิตอลแบงกิ้ง ผ่านโมบายแอพพลิเคชันที่จะขยายไปสู่บริการกองทุนรวมและประกัน จากปัจจุบันสามารถทำธุรกรรมเงินฝากลูกค้ารายย่อยเท่านั้น คาดว่าภายในครึ่งหลังของปี 2561 น่าจะพัฒนาแล้วเสร็จซึ่งจะเอื้อต่อการขยายธุรกิจและขยายสู่ลูกค้ารายย่อยมากขึ้น

“จุดแข็งของเรา คือ การมี Advisory ที่ให้คำปรึกษาที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า เพราะปัจจุบันลูกค้ามั่งคั่งจะใช้บริการสถาบันการเงิน 3-4 แห่ง ซึ่งการมี Advisory ที่ดีและโปรดักต์ที่ครบจะทำให้ลูกค้าอยู่กับเราและใช้บริการเรา ซึ่งในส่วนของพอร์ต SCBT ที่โอนมาจะมาช่วยต่อยอดธุรกิจให้เติบโตได้ตามเป้า 20% และรายได้ฟีโต 30%”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,314 วันที่ 16 - 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว