แบงก์บูมคิวอาร์โค้ด ธปท.ปล่อยชุดแรก5แห่ง ปูพรมแจกบัตร-อัดโปร
แบงก์-นอนแบงก์ จุดพลุแข่งบริการ“คิวอาร์โค้ด” เต็มสูบ หลังธปท.ปล่อย 5 แห่งออกจากสนามทดสอบ ธนาคารกรุงเทพลุยแจกป้าย 1 หมื่นร้านค้า พ่วงระบบขนส่งสาธารณะกระตุ้นยอดใช้บัตร กสิกรไทยต่อยอดผูกติดอีดีซี เคทีซีมาหรูเปิดบัตรเครดิตรายแรกใช้คิวอาร์โค้ด
ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลภายใต้โครงการระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ หรือโครงการ National e-Payment เพื่อนำประเทศไทยไปสู่สังคมไร้เงินสด เริ่มเห็นผล หลังเปิดโครงการแรก รับโอนเงินรูปแบบใหม่ (Promptpay) ที่ยอดล่าสุดเดือนตุลาคมมีผู้ผูกบัญชีกว่า 35 ล้านเลขหมาย ปริมาณธุรกรรมมูลค่ากว่า 1.8 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ต่อยอดพร้อมเพย์ ไปสู่การชำระเงินผ่าน Thai QR Code Payment มาตรฐานสากล โดยกำหนดให้สถาบันการเงินและผู้ให้บริการชำระเงินต้องเข้าร่วมทดสอบในศูนย์ทดสอบนวัตกรรมทางการเงิน (Regulatory Sandbox) โดยในการทดสอบสถาบันการเงินจะมีการกำหนดพื้นที่ลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายในการทดสอบการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดผ่าน mobile application ใน regulatory sandbox ของธปท.
ธปท.อนุมัติสถาบันการเงิน 8 แห่งเข้าทดสอบ ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 ธปท.อนุญาตให้สถาบันการเงิน 5 แห่งผ่านทดสอบ ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารออมสิน โดยได้พิจารณา ความพร้อมครอบคลุมเรื่องสำคัญ คือ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การบริหารความเสี่ยง การคุ้มครองผู้บริโภคและความปลอดภัย รวมทั้งการเตรียมสาขาและ call center ของธนาคาร เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ส่วนที่เหลืออีก 3 แห่ง จะรอทยอยประกาศต่อไป
นางฤชุกร สิริโยธิน รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้กล่าวว่า สถาบันการเงินที่ได้รับอนุมัติทั้ง 5 แห่ง สามารถต่อยอดการทำธุรกรรมหรือขยายพื้นที่ทำการตลาดได้ทันที คาดว่าจากนี้ไปจะเห็นปริมาณธุรกรรมที่เกิดขึ้นจริงขยายตัวมากขึ้นตามการขยายพื้นที่ที่กว้างมากขึ้น ส่วนสถาบันการเงินแห่งใดมีความพร้อมจะต่อยอดในเรื่องของการชำระผ่านบัตรเดบิตและเครดิตนั้น จะเป็นเฟสต่อไป
นางปรัศนี อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังธปท.อนุมัติให้ธนาคารออกจาก Sandbox ธนาคารจะทยอยส่งมอบป้ายคิวอาร์โค้ดให้กับลูกค้าที่ได้ลงทะเบียนไว้กว่า 1 หมื่นร้านค้า รวมถึงกลุ่มรถรับจ้างสาธารณะ เช่น กลุ่มสมาร์ทแท็กซี่ ตลาดสด กลุ่มมูลนิธิ กลุ่มขายตรงไดเร็กต์เซล ร้านอาหาร และร้านค้าตามหัวเมืองต่างจังหวัด เป็นต้น
[caption id="attachment_231364" align="aligncenter" width="336"]
ปรัศนี อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL)[/caption]
อย่างไรก็ดีตามช่วงแรกที่ออกจาก Sandbox อาจจะยังไม่เห็นธุรกรรมพร้อมเพย์เติบโตแบบก้าวกระโดดมากนัก เนื่องจากต้องทยอยขยายพื้นที่ ซึ่งธุรกรรมจะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่คาดว่าหลังจากผ่านไปในช่วง 3-6 เดือนแรก จะเห็นปริมาณธุรกรรมพร้อมเพย์ขยายการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10-20%
ส่วนโปรโมชันพิเศษนั้นธนาคารจะเริ่มทยอยทำในช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไป เช่นเดียวกับแผนการขออนุมัติธปท.ต่อยอดการชำระคิวอาร์โค้ดผ่านบัตรเดบิต ที่จะเข้า Sandbox ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 คาดว่าน่าจะใช้เวลาทดสอบประมาณ 1-2 เดือน เนื่องจากการทดสอบจะใช้เวลาเร็วขึ้น เพราะธนาคารมีประสบการณ์การทดสอบคิวอาร์โค้ดมาแล้ว
นายสมคิด จิรานันตรัตน์ รองประธานบริษัท กสิกรบิสซิเนสเทคโนโลยีกรุ๊ป จำกัด( KBTG) บริษัทผู้วางระบบโครงสร้งพื้นฐานทางเทคโนโลยี ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า หลังที่ธนาคารกสิกรไทยได้รับการรับรองคิวอาร์โค้ดมาตรฐาน ร้านค้าใน Kplus shop สามารถผูกติดกับฐานลูกค้าใน Kplus 7 ล้านรายได้เลย
สเต็ปต่อไปจะมีพันธมิตรร้านค้าที่จะมาร่วมกัน และสามารถใช้งานผ่าน Kplus ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา และบริษัทจะวางระบบให้เครื่องรับบัตรอิเล็กทรอนิกส์(อีดีซี)และเครื่อง POS สามารถรับคิวอาร์โค้ดได้ด้วย ซึ่งจะมีประสิทธิภาพกว่าแผ่นคิวอาร์โค้ด
ด้านบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC) ประกาศการได้รับอนุมัติจากธปท.การเข้าศูนย์ทดสอบนวัตกรรมทางการเงิน “Regulatory Sandbox”ในการพัฒนาระบบเพื่อรองรับการชำระค่าสินค้าและบริการด้วยบัตรเครดิตผ่าน QR Code Payment บนโมบายแอพ TapKTC ถือเป็นบัตรเครดิตรายแรกและรายเดียวที่ตอบสนองการใช้งานทั้งผู้ถือบัตรเครดิตและร้านค้า โดยจะเริ่มทดสอบตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป
นางสาวธิดา บุณยเลขา ผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจร้านค้า KTC กล่าวว่า การชำระเงินผ่านบัตรเครดิตด้วยคิวอาร์โค้ด จะเน้นเจาะกลุ่มร้านค้าขนาดกลางและเล็ก จึงไม่มีกำหนดขั้นตํ่าในการชำระเงิน แต่คาดว่าธุรกรรมขั้นตํ่าเฉลี่ยที่เกิดขึ้นน่าจะอยู่ที่ 80-100 บาทต่อรายการ คาดว่าจะออกจาก Sandbox ได้ประมาณต้นปี 2561
บริษัท วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศได้รับใบอนุญาตจากธปท.เป็นเครือข่ายธุรกรรมการเงินผ่านบัตรเดบิตในไทย ด้วยความร่วมมือกับบริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ฯปัจจุบันบริษัทมีฐานบัตรเดบิตทั้งสิ้น 38 ล้านใบ จากทั้งระบบมีประมาณ 50.2 ล้านใบ มีร้านค้าพันธมิตรกว่า 5 แสนร้านค้า มีพันธมิตรสถาบันการเงิน 9 แห่ง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,314 วันที่ 16 - 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลภายใต้โครงการระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ หรือโครงการ National e-Payment เพื่อนำประเทศไทยไปสู่สังคมไร้เงินสด เริ่มเห็นผล หลังเปิดโครงการแรก รับโอนเงินรูปแบบใหม่ (Promptpay) ที่ยอดล่าสุดเดือนตุลาคมมีผู้ผูกบัญชีกว่า 35 ล้านเลขหมาย ปริมาณธุรกรรมมูลค่ากว่า 1.8 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ต่อยอดพร้อมเพย์ ไปสู่การชำระเงินผ่าน Thai QR Code Payment มาตรฐานสากล โดยกำหนดให้สถาบันการเงินและผู้ให้บริการชำระเงินต้องเข้าร่วมทดสอบในศูนย์ทดสอบนวัตกรรมทางการเงิน (Regulatory Sandbox) โดยในการทดสอบสถาบันการเงินจะมีการกำหนดพื้นที่ลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายในการทดสอบการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดผ่าน mobile application ใน regulatory sandbox ของธปท.
นางฤชุกร สิริโยธิน รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้กล่าวว่า สถาบันการเงินที่ได้รับอนุมัติทั้ง 5 แห่ง สามารถต่อยอดการทำธุรกรรมหรือขยายพื้นที่ทำการตลาดได้ทันที คาดว่าจากนี้ไปจะเห็นปริมาณธุรกรรมที่เกิดขึ้นจริงขยายตัวมากขึ้นตามการขยายพื้นที่ที่กว้างมากขึ้น ส่วนสถาบันการเงินแห่งใดมีความพร้อมจะต่อยอดในเรื่องของการชำระผ่านบัตรเดบิตและเครดิตนั้น จะเป็นเฟสต่อไป
นางปรัศนี อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังธปท.อนุมัติให้ธนาคารออกจาก Sandbox ธนาคารจะทยอยส่งมอบป้ายคิวอาร์โค้ดให้กับลูกค้าที่ได้ลงทะเบียนไว้กว่า 1 หมื่นร้านค้า รวมถึงกลุ่มรถรับจ้างสาธารณะ เช่น กลุ่มสมาร์ทแท็กซี่ ตลาดสด กลุ่มมูลนิธิ กลุ่มขายตรงไดเร็กต์เซล ร้านอาหาร และร้านค้าตามหัวเมืองต่างจังหวัด เป็นต้น
[caption id="attachment_231364" align="aligncenter" width="336"]
อย่างไรก็ดีตามช่วงแรกที่ออกจาก Sandbox อาจจะยังไม่เห็นธุรกรรมพร้อมเพย์เติบโตแบบก้าวกระโดดมากนัก เนื่องจากต้องทยอยขยายพื้นที่ ซึ่งธุรกรรมจะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่คาดว่าหลังจากผ่านไปในช่วง 3-6 เดือนแรก จะเห็นปริมาณธุรกรรมพร้อมเพย์ขยายการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10-20%
ส่วนโปรโมชันพิเศษนั้นธนาคารจะเริ่มทยอยทำในช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไป เช่นเดียวกับแผนการขออนุมัติธปท.ต่อยอดการชำระคิวอาร์โค้ดผ่านบัตรเดบิต ที่จะเข้า Sandbox ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 คาดว่าน่าจะใช้เวลาทดสอบประมาณ 1-2 เดือน เนื่องจากการทดสอบจะใช้เวลาเร็วขึ้น เพราะธนาคารมีประสบการณ์การทดสอบคิวอาร์โค้ดมาแล้ว
นายสมคิด จิรานันตรัตน์ รองประธานบริษัท กสิกรบิสซิเนสเทคโนโลยีกรุ๊ป จำกัด( KBTG) บริษัทผู้วางระบบโครงสร้งพื้นฐานทางเทคโนโลยี ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า หลังที่ธนาคารกสิกรไทยได้รับการรับรองคิวอาร์โค้ดมาตรฐาน ร้านค้าใน Kplus shop สามารถผูกติดกับฐานลูกค้าใน Kplus 7 ล้านรายได้เลย
สเต็ปต่อไปจะมีพันธมิตรร้านค้าที่จะมาร่วมกัน และสามารถใช้งานผ่าน Kplus ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา และบริษัทจะวางระบบให้เครื่องรับบัตรอิเล็กทรอนิกส์(อีดีซี)และเครื่อง POS สามารถรับคิวอาร์โค้ดได้ด้วย ซึ่งจะมีประสิทธิภาพกว่าแผ่นคิวอาร์โค้ด
ด้านบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC) ประกาศการได้รับอนุมัติจากธปท.การเข้าศูนย์ทดสอบนวัตกรรมทางการเงิน “Regulatory Sandbox”ในการพัฒนาระบบเพื่อรองรับการชำระค่าสินค้าและบริการด้วยบัตรเครดิตผ่าน QR Code Payment บนโมบายแอพ TapKTC ถือเป็นบัตรเครดิตรายแรกและรายเดียวที่ตอบสนองการใช้งานทั้งผู้ถือบัตรเครดิตและร้านค้า โดยจะเริ่มทดสอบตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป
นางสาวธิดา บุณยเลขา ผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจร้านค้า KTC กล่าวว่า การชำระเงินผ่านบัตรเครดิตด้วยคิวอาร์โค้ด จะเน้นเจาะกลุ่มร้านค้าขนาดกลางและเล็ก จึงไม่มีกำหนดขั้นตํ่าในการชำระเงิน แต่คาดว่าธุรกรรมขั้นตํ่าเฉลี่ยที่เกิดขึ้นน่าจะอยู่ที่ 80-100 บาทต่อรายการ คาดว่าจะออกจาก Sandbox ได้ประมาณต้นปี 2561
บริษัท วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศได้รับใบอนุญาตจากธปท.เป็นเครือข่ายธุรกรรมการเงินผ่านบัตรเดบิตในไทย ด้วยความร่วมมือกับบริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ฯปัจจุบันบริษัทมีฐานบัตรเดบิตทั้งสิ้น 38 ล้านใบ จากทั้งระบบมีประมาณ 50.2 ล้านใบ มีร้านค้าพันธมิตรกว่า 5 แสนร้านค้า มีพันธมิตรสถาบันการเงิน 9 แห่ง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,314 วันที่ 16 - 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
