จัดเป็นอีกหนึ่งโครงการที่การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) อยู่ระหว่างรอความชัดเจนของผลการศึกษาที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อยู่ระหว่างจัดการประชุมเพื่อแนะนำโครงการและระดมความคิดเห็นโครงการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และสิ่งแวดล้อม เส้นทางรถไฟชุมพร-ท่าเรือนํ้าลึกระนอง ระยะเวลาดำเนินการศึกษา 10 เดือน (เดือนพฤษภาคม 2560-กุมภาพันธ์ 2561) ก่อนที่จะส่งมอบผลการศึกษาให้ร.ฟ.ท.รับไปดำเนินการ
โครงการเส้นทางรถไฟดังกล่าวนี้เกิดจากนโยบายการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2559 ที่ได้รับทราบผลการประชุมร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจส่วนกลางและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2559 และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอคณะกรรมการ กรอ. ในการพัฒนาแนวเส้นทางรถไฟสายใหม่เชื่อมโยงฝั่งอ่าวไทยกับฝั่งทะเลอันดามัน จากจังหวัดชุมพร-จังหวัดระนอง เพื่อการคมนาคมขนส่ง ส่งเสริมการท่องเที่ยว 2 ฝั่งทะเล รวมทั้งเชื่อมโยงไปยังท่าเรือนํ้าลึก จังหวัดระนอง เพื่อรองรับการเป็นประตูเศรษฐกิจสู่กลุ่มประเทศ BIMSTEC ในอนาคต
ปัจจุบันสนข.อยู่ระหว่างการจัดทำร่างรายงานฉบับสมบูรณ์เพื่อประเมินและคัดเลือกแนวเส้นทาง โดยพิจารณาจากปัจจัย3 ด้านได้แก่ ด้านวิศวกรรม ด้านเศรษฐกิจและการลงทุน และด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
ทั้งนี้ในเบื้องต้นนั้นพบว่าแนวเส้นทางที่มีความเหมาะสม เริ่มจากจุดเริ่มต้นของแนวเส้นทางบริเวณพื้นที่ทางใต้ของสถานีรถไฟชุมพรและอยู่ด้านเหนือของสถานีรถไฟแสงแดด โดยแนวเส้นทางรถไฟจะโค้งออกจากรถไฟสายใต้เดิมมุ่งไปยังทิศตะวันตกและขนานกับทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านพื้นที่เขตอำเภอเมือง จังหวัดชุมพร อำเภอกระบุรี อำเภอละอุ่น และอำเภอเมือง จังหวัดระนอง ไปสิ้นสุดโครงการที่บริเวณท่าเรือนํ้าลึกระนอง รวมระยะทาง 102.5 กิโลเมตร คาดว่าจะใช้งบลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท
มีสถานีเบื้องต้น 9 สถานี ได้แก่สถานีขุนกระทิง สถานีบ้านนา สถานีวังใหม่ สถานีปากจั่น สถานีกระบุรี สถานีบางใหญ่ สถานีละอุ่น สถานีท่าเรือระนอง โดยช่วงจากสถานีท่าเรือระนองยังจะมีเส้นทางแยก (Spur Line) เข้าสู่เมืองระนองเพื่อไปสิ้นสุดที่สถานีระนอง มีระยะทางอีกประมาณ 4 กิโลเมตรจัดเป็นเส้นทางเชื่อมโยงอีกทางหนึ่งด้วย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,314 วันที่ 16 - 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560