น้ำมันดิบพุ่ง! รับมือสงคราม

19 พ.ย. 2560 | 06:40 น.
ราคานํ้ามันดิบยังพุ่งขึ้นสูงต่อเนื่องถึงปีหน้า บริษัทนํ้ามันฟันธงไปในทิศทางเดียวกัน กลุ่มเอเปก และนอกโอเปก ลดกำลังการผลิตไปจนถึงสิ้นปี 2561 และเตรียมเผชิญสงครามในตะวันออกกลางที่อาจปะทุขึ้นได้ แต่ยันทั้งปีหน้าเฉลี่ยไม่ถึง 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ

สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง กำลังจะทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังรัฐบาลซาอุดีอาระเบียกล่าวหาอิหร่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์การโจมตีด้วยขีปนาวุธไปยังสนามบินนานาชาติคิงคาลิคทางตอนเหนือของกรุงริยาด ประกอบกับเลบานอนมีการเพิกเฉยในการกวาดล้างกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ที่หนุนโดยอิหร่าน ออกมาประกาศสงครามกับซาอุดีอาระเบียแล้ว

อีกทั้งตลาดกำลังจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ ผลิตนํ้ามันทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ว่า จะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปเป็นสิ้นปี 2561 หรือไม่ จากเดิมที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคมปีหน้า

ต่อสถานการณ์ดังกล่าวนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะส่งผลต่อแนวโน้ม ราคานํ้ามันดิบในปี 2561 จะสูงกว่าปี 2560 ซึ่งทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์นํ้ามันของกลุ่ม ปตท.หรือ PRISM คาดการณ์ว่าราคา นํ้ามันดิบดูไบปีหน้าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 52-57 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เทียบกับเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 45-55 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งปัจจุบันนํ้ามันดิบดูไบอยู่ที่ 61.44 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ01 สำหรับปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคานํ้ามันดิบที่จะมีผลไปถึงปี 2561 นั้น ต้องจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออก นํ้ามันทั้งในและนอกโอเปก ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ หากยืดระยะเวลาลดกำลังการผลิตนํ้ามันดิบ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ออกไปจนสิ้นปี 2561 คาดราคานํ้ามันดิบเฉลี่ยทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 52-57 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยยังไม่รวมสถานการณ์ความรุนแรงที่จะเกิดในประเทศตะวันออกกลาง

นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางราคานํ้ามันดิบในปีหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 55-60 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล สูงกว่าปี 2560 เฉลี่ยอยู่ที่ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะเดียวกันในช่วงปลายปีนี้ ราคานํ้ามันปรับตัวสูงขึ้นมาจากฤดูหนาว และความไม่แน่นอนจากผลกระทบด้านการจัดหาในตะวันออกกลาง นอกจากนี้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกดีขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้นํ้ามันเพิ่มขึ้นแต่เชื่อว่าจะยังไม่สูงมากนักหรือเกิน 70 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาขายปลีกในประเทศก็คงไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร

นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านพลังงาน เปิดเผยว่า ราคานํ้ามันปีหน้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ยังคงต้องจับตาปัจจัยของกลุ่มโอเปกที่อาจยืดอายุข้อตกลงลดกำลังการผลิตนํ้ามันดิบไปจนถึงสิ้นปี 2561 หากเป็นไปตามคาดการณ์ราคานํ้ามันก็มีโอกาสสูงกว่า 65 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลในปีหน้า จากปัจจุบันราคา นํ้ามันดิบดูไบอยู่ที่ 61-62 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล แต่จะถึงระดับ 70 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลหรือไม่คงต้องติดตามสถานการณ์อีกที

บาร์ไลน์ฐาน สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตามองคือ กลุ่มผู้ผลิตทั้งในและนอกโอเปกจะมีการประชุมหารือสำหรับการขยายข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ โดยคาดกลุ่มผู้ผลิตมีแนวโน้มขยายระยะเวลาออกไป 3 - 9 เดือนจากเดิมที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2561 นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงทวีความรุนแรงขึ้น

“ราคาขายปลีกนํ้ามันในประเทศจะได้รับผลกระทบจากระดับราคานํ้ามันดิบหากเกิดความขัดแย้งกันมากประกอบกับการลดกำลังการผลิตนํ้ามันดิบก็ย่อมส่งผลกระทบต่อราคา นํ้ามันเพิ่มขึ้น ดังนั้นคาดว่าในปีหน้าราคานํ้ามันดิบจะสูงกว่า 6 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล” นายมนูญกล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,314 วันที่ 16 - 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว