จี้รัฐคลายกฎต่างชาติ 'สงกรานต์'ชงปล่อยเช่ายาว60ปี-กระตุ้นกำลังซื้อ

19 พ.ย. 2560 | 07:08 น.
“สงกรานต์” มองกำลังซื้ออสังหาฯกลาง-ล่างอ่อนแรง ตลาดไฮเอนด์ยังไปได้ ต้องอาศัยกลไกอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จี้รัฐคลายกฎ ให้เช่าระยะยาว 50-60 ปีจาก 30 ปี

ปัจจุบันกำลังซื้ออสังหา ริมทรัพย์ค่อนข้างซบเซาโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-ล่าง ปัญหาใหญ่เกิดจากหนี้ครัวเรือน สถาบันการเงินเข้มงวดต่อการปล่อยสินเชื่อ แม้กำลังซื้อระดับบนในประเทศยังไปได้แต่มีจำกัด ขณะที่ บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯจะต้องรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง

นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) ฉายภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศในปัจจุบันและแนวโน้มปี 2561 ว่า อยู่ในภาวะทรงตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างอ่อนแรงลง ซึ่งผู้ประกอบการเองต่างผลักดันโครงการให้เดินต่อไป พร้อมๆกับการระบายสต๊อกสินค้าที่เหลืออยู่ให้หมดไป

แม้ปีหน้าตลาดยังทรงตัวต่อเนื่อง แต่คาดว่าผู้ประกอบการรวมถึงบริษัทจะผลักดันกำลังซื้อให้โตขึ้นกว่าปีนี้ 5%
“เชื่อว่าทุกค่ายจะต้องเหนื่อย หากพึ่งพาตัวเองไม่ได้ จะต้องอาศัยพึ่งพาภาครัฐ เหมือนคนป่วยหากต้องการฟื้นไข้จะต้องใช้ยารักษา”

MP29-3314-A ทางออกต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยมากขึ้นทั้งแถบเอเชีย ยุโรป เพราะกำลังซื้อในประเทศอยู่ในภาวะนิ่งไม่สามารถขยับไปได้มากกว่านี้ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการเองต้องปรับตัว มองหาตลาดต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะจีนแต่ ขณะนี้ จีนก็ออกกฎห้ามนำเงินออกนอกประเทศซึ่งอาจมีผลกระทบบ้างแต่เชื่อว่าไม่มาก

อย่างไรก็ดีรัฐบาลต้องผ่อนผันกฎระเบียบต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้ต่างชาติสามารถซื้อและเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทยได้มากขึ้นเทียบกับประเทศอื่นที่ให้สิทธิ์กว่าปัจจุบันที่มีเพียง 1% เท่านั้น ขณะที่ประเทศอื่นให้สิทธิ์ต่างชาติมากถึง 40% ทั้งซื้อและเช่า การขยายระยะเวลาเช่าจาก 30 ปีเป็น 50-60 ปี เพราะสิ่งที่ได้กลับมามีมากเป็นแสนล้านบาท ทั้งจากการนำเงินเข้ามาลงทุนของต่างชาติ หรือแม้แต่นักธุรกิจไทยที่มองว่าการเช่าระยะยาวคุ้มค่าและที่ดินที่เหลืออยู่ก็มีแต่ของภาครัฐแทบทั้งสิ้น

“กำลังซื้อของเรามันอ่อน ดังนั้นจึงต้องให้ คนต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาฯบ้าง ด้วยการอำนวยความสะดวกในทุกด้านเพื่อให้เกิดการแข่งขันทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้านต่อไปจะเห็นมิกซ์ยูส การปรับเปลี่ยนตลาด จะพัฒนาแค่คอนโดมิเนียมอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีหลากหลายในโครงการเดียวกัน”

สำหรับโครงการของบริษัทยังมีสต๊อกค้างอยู่ 1,500 ล้านบาท ซึ่งจำนวนหน่วยมีไม่มาก กระจายอยู่ในเขตกรุงเทพ มหานคร และต่างจังหวัด อาทิ ภูเก็ต เขาใหญ่ พังงาฯลฯ ซึ่งรายได้ 9 เดือนปี 2560 ทำได้ 1,400 ล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้ทั้งปี 3,000 ล้านบาท ส่วนแผนลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยปี 2561 บริษัทลดความเสี่ยงด้วยการลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯชั้นในจับตลาดไฮเอนด์เพียงโครงการเดียวมูลค่า 700-800 ล้านบาท ทำเลที่ดูไว้อาทิ หลังสวน เนื่องจากการพัฒนาคอนโดมิเนียมขายเพียงอย่างเดียว อาจทำให้การขายช้า และการแข่งขันสูง สำหรับปัจจัยที่ เป็นต้นทุนจะเป็นเรื่องของราคาที่ดินในใจกลางเมืองที่สูงมากจนเกินไป ซึ่งราคาที่รับได้อยู่ที่ราคา 300,000 บาทต่อตารางวา

บาร์ไลน์ฐาน มุมกลับ บริษัทจะเน้นการพัฒนารูปแบบมิกซ์ยูสมากขึ้น โดยดึงโรงแรม เข้ามาเป็นตัวเชื่อมธุรกิจอสังหาริมทรพย์ รองรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ล่าสุดปี 2561 ได้ขยายโครงการ บาบา บีช คลับ ภูเก็ต ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างบริษัทกับบริษัท จุนฟาเรียลเอสเตท จำกัด จากประเทศจีน ภายใต้ชื่อ บริษัท อิสสระ จุนฟา จำกัด มีมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท โดยเน้นพัฒนาโรงแรมและเรสซิเดนซ์ ในสไตล์บีชคลับระดับลักชัวรี ตั้งอยู่บนพื้นที่ 42 ไร่ ริมชายหาดภูเก็ตนาใต้ เพราะมองว่าตลาดระดับบนยังไปได้

นอกจากนี้บริษัทยังปรับตัวโดยลดการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง และใช้แบรนด์ของบริษัทรับบริหารโรงแรมให้กับต่างประเทศลดภาวะเสี่ยง โดยระยะ 5 ปีเชื่อว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาทขึ้นไป รวมทั้งการขยายกองทุนอสังหาฯศรีพันวา จาก 1,000 ล้านบาทเป็น 3,000 ล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,314 วันที่ 16 - 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว