WHA ส่งซิกโค้งสุดท้ายสดใส หลังกำไร Q3 สูงสุดเป็นประวัติการณ์

13 พ.ย. 2560 | 11:46 น.
“จรีพร จารุกรสกุล” บิ๊ก WHA มั่นใจผลงานโค้งสุดท้ายปี 2560 สดใส ตามแผน ชี้ไตรมาส 4 ธุรกิจเติบโตดีที่สุด หลังงบไตรมาส 3 กำไรพุ่ง 1,089% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลปลายปีนี้

[caption id="attachment_230676" align="aligncenter" width="335"] นางสาวจรีพร จารุกรสกุล นางสาวจรีพร จารุกรสกุล[/caption]

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group ผู้นำในการให้บริการแบบครบวงจรในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม บริการสาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลแพลตฟอร์ม เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2560 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 ว่าบริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทและกิจการร่วมค้า 2,150 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรฯ ที่ 1,628 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 506 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,089% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 42 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทและกิจการร่วมค้า 6,922 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรฯ ที่ 5,336 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,559 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 497 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 214% โดยมีสาเหตุหลักมาจากการรับรู้รายได้จากการโอนที่ดิน การเติบโตของส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินธุรกิจไฟฟ้าจากการเปิด COD โรงไฟฟ้า SPP จำนวน 4 แห่ง ส่งผลให้สิ้นเดือนกันยายน 2560 บริษัทฯ มีกำลังผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ 447 เมกะวัตต์ ตลอดจนการลดลงของต้นทุนทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญจากการชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงินจำนวน 5,000 ล้านบาท ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา การชำระคืนหุ้นกู้จำนวน 2,300 ล้านบาท ในเดือนกรกฎาคม 2560 และการลดลงของอัตราดอกเบี้ยจากการรีไฟแนนซ์เงินกู้จากสถาบันการเงินด้วยการออกและเสนอขายหุ้นกู้

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ01 ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม WHA Group กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 4/2560 ว่าจะเป็นไตรมาสที่มีการเติบโตที่ดีที่สุดของบริษัทฯ จากการรับรู้รายได้จากการขายทรัพย์สินที่มีมูลค่าทรัพย์สิน 3,090 ล้านบาท เข้ากองทรัสต์ WHART ซึ่งการรวมกองระหว่างกองทุนรวม WHAPF กับกองทรัสต์ WHART และการขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ WHART เป็นไปตามแผน และคาดว่าการโอนสินทรัพย์จะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมขายสินทรัพย์ที่มีมูลค่าทรัพย์สินไม่เกิน 1,690 ล้านบาท เข้ากองทรัสต์ HREIT ซึ่งขณะนี้กองทรัสต์ HREIT อยู่ระหว่างการเดินสายโรดโชว์กับนักลงทุนสถาบัน และคาดว่าจะสามารถเสนอขายหน่วยเพิ่มทุนได้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้

สำหรับธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ภายหลังการออกมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคตะวันออก การได้รับความเห็นชอบของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสำหรับร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) และการรับร่างพระราชบัญญัติ EEC ของที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สน.ช.) บริษัทฯ ได้เดินหน้ายกระดับนิคมอุตสาหกรรม โดยบริษัทฯได้มีการยื่นเอกสารการยกระดับนิคมอุตสาหกรรมเหมราช อีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ 4 (HESIE4) เป็นเขตส่งเสริมเพื่อกิจการอุตสาหกรรมสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ และได้มีการยื่นแผนธุรกิจ (Project Feasibility) กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และจากมาตรการดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ มีลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรมทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวจีนและชาวญี่ปุ่น ให้ความสนใจในการเยี่ยมชมกิจการของบริษัทอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่ายอดขายที่ดินในช่วงปลายปี 2560 – ปี 2561 มีแนวโน้มในการขายที่ดินในจำนวนที่มากขึ้น ประกอบกับโครงการส่วนใหญ่ของ WHA GROUP ก็อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว สำหรับนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม เฟส 1 จำนวนกว่า 3,000 ไร่ คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ในช่วงปลายปีนี้

วิทยุพลังงาน ส่วนธุรกิจการให้บริการสาธารณูปโภค คาดว่ารายได้จากการให้บริการน้ำทั้งปีจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย ประมาณ 10% จากปริมาณลูกค้าในนิคมฯ ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มโรงไฟฟ้าและปิโตรเคมี ซึ่งมีการใช้น้ำในปริมาณมาก เช่นเดียวกันกับธุรกิจโรงไฟฟ้าที่น่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 40% จากการมีโรงไฟฟ้าที่จะ COD ได้ตามแผนในปีนี้

สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อโลจิสติกส์ในประเทศ ตั้งเป้าพื้นที่เช่า 200,000 – 250,000 ตารางเมตร โดยปัจจุบันบริษัทฯ มียอดพื้นที่ที่ทำสัญญาแล้วและอยู่ระหว่างเจรจาที่มีความเป็นไปได้สูง ทั้งโครงการ Built-to-Suit และ Sale and Leaseback แล้วกว่า 80% ของเป้าหมายที่วางไว้ และโครงการโลจิสติกส์ในประเทศอินโดนีเซีย กำลังอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าในโครงการเฟสที่ 2 อีกด้วย

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันระหว่างกาลในปี 2560 จำนวน 0.0488 บาทต่อหุ้น โดยเป็นการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์ในการรับเงินปันผลในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2560 และขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2560 เพื่อจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 ธันวาคม 2560 นี้ อ๊ายยยขายของ-7-1